แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทเป็นที่ทำการธนาคารสาขาของโจทก์ทำการรับฝากเงินให้กู้เงิน ซื้อขายตั๋วแลกเงินเงินตราต่างประเทศ และทำกิจการอื่น ๆ อันเป็นกิจการของธนาคารพาณิชย์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 โจทก์จึงไม่ได้รับงดเว้นไม่ต้อง เสียภาษีโรงเรือนตามความในมาตราดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2525)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกใบแจ้งการประเมินภาษีโรงเรือนเรียกเก็บสำหรับอาคารของโจทก์เป็นเงิน 59,400.50 บาท ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน เนื่องจากโรงเรือนเป็นของโจทก์และโจทก์อยู่เอง ทั้งยังให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาด้วย และโจทก์ไม่ได้ใช้โรงเรือน นี้เป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับงดยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่แล้ว แต่จำเลยให้ยกคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกใบแจ้งการประเมินและเพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลย กับให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ไปพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทเป็นสถานที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ รับฝากเงิน ให้สินเชื่อ ซื้อขายตั๋วแลกเงิน ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ สินค้าของโจทก์จึงได้แก่ตั๋วแลกเงินและเงินตราต่างประเทศที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทเป็นไว้สินค้าเหล่านั้น มิได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเอง จึงไม่ได้รับงดเว้นตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน การแจ้งการประเมินและคำชี้ขาดของจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องและคิดดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกเลิกใบแจ้งการประเมินและเพิกถอนคำชี้ขาดของจำเลย ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ ถ้าไม่มีภายใน 1 เดือนให้จำเลยเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์ด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 ที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้วมีว่า “โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างสิ่งอื่น ๆ ซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา และซึ่งไม่ได้ใช้เป็นที่ไว้สินค้าหรือประกอบการอุตสาหกรรม ท่านให้งดเว้นจากบทบัญญัติแห่งภาคนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นไป” จำเลยฎีกาว่าตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย การอยู่เองหมายถึงการอยู่อาศัยเพื่อกินอยู่หลับนอน แต่โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทเป็นสำนักงานประกอบธุรกิจการธนาคารพาณิชย์แสวงหาประโยชน์ในทางการค้า โรงเรือนพิพาทจึงมิใช่โรงเรือนที่โจทก์อยู่เอง
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การที่โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทเป็นที่ทำการธนาคารทหารไทย สาขาคลองเตย สำหรับรับฝากเงิน ให้กู้เงิน ซื้อขาย ตั๋วแลกเงิน เงินตราต่างประเทศ และทำกิจการอื่น ๆ อันเป็นกิจการของธนาคารพาณิชย์ หรือไม่ได้ว่าโจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนเฝ้ารักษาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว โจทก์จึงมิได้ซึ่งยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
ส่วนปัญหาที่ว่า เงินตราและตราสารต่าง ๆ จะเป็นสินค้าในทางการค้าของโจทก์หรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์