คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายทองเหลืองหล่อ ข้อ 8 วรรคแรกระบุว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ วรรคสองระบุว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกสัญญาค้ำประกันก็ได้ ข้อ 9 วรรคแรก ระบุว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน และวรรคสองระบุว่า ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา และริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกสัญญาค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ให้แก่โจทก์ ทั้งๆ ที่โจทก์ได้ให้โอกาสจำเลยส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีคุณสมบัติตามสัญญาแล้ว โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและใช้สิทธิเรียกให้ชำระเงินตามสัญญาจากธนาคารแล้วในวันเดียวกัน กรณีจึงต้องด้วยข้อ 8 วรรคสอง ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกสัญญาค้ำประกันได้เท่านั้น แม้ก่อนที่โจทก์จะบอกเลิกสัญญา จำเลยได้ส่งมอบทองเหลืองหล่อให้โจทก์หลายครั้งก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่ได้รับเอาไว้เนื่องจากเป็นการส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ย่อมถือได้ว่าจำเลยมิได้ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาเลย จึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา และโจทก์ได้ยอมรับไว้โดยจะใช้สิทธิปรับเป็นรายวัน ในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 9 โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2522 โจทก์ทำสัญญาซื้อทองเหลืองหล่อจำนวน 7.3 เมตริกตัน รวมราคา 383,250 บาท จากจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2522 จำเลยที่ 1 ได้ส่งทองเหลืองหล่อให้โจทก์ตามสัญญากรมทรัพยาธรณีตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ทองเหลืองหล่อที่ส่งมาให้โจทก์มีส่วนผสมและคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามสัญญา โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบและให้นำกลับคืนไปโดยเอาของใหม่มาเปลี่ยนให้ จำเลยที่ 1 ได้ส่งของมาให้ใหม่ แต่คุณสมบัติและส่วนผสมของทองเหลืองหล่อไม่ถูกต้องอีก โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ส่งของให้ถูกต้องจำเลยที่ 1 ก็เพิกเฉย โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ส่งของและนำค่าปรับในการผิดนัดตามสัญญามาชำระ ต่อมาวันที่ 16มีนาคม 2524 โจทก์ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาจากจำเลย การที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชำระค่าปรับตามสัญญาในอัตราร้อยละ 0.2 ต่อวันของราคาที่ซื้อขายนับตั้งแต่วันครบกำหนดส่งของตามสัญญา (วันที่20 กุมภาพันธ์ 2523) จนถึงวันที่โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 (วันที่ 16 มีนาคม 2524) เป็นเงิน 299,701.50 บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 299,701.50บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากับโจทก์ตามฟ้องและได้ส่งมอบทองเหลืองหล่อให้แก่โจทก์โดยมีส่วนผสมและคุณสมบัติถูกต้องตามสัญญา หากไม่ถูกต้องตามสัญญาก็เป็นเหตุพ้นวิสัย ไม่ใช่ความผิดของจำเลย โจทก์เรียกร้องค่าปรับสูงเกินความจริงและโจทก์ได้ริบเงินมัดจำเพียงพอแก่ความเสียหายแล้ว โจทก์ได้ซื้อทองเหลืองหล่อใหม่ในราคาต่ำกว่าหรือเท่ากับราคาที่ตกลงซื้อกับจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย เงื่อนไขในสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลบังคับ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญาซื้อขายทองเหลืองหล่อน้ำหนัก 7,300 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 52.50 บาท เป็นเงิน 383,250 บาท จากจำเลยตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 จำเลยได้ส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ อันถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต่อมาได้มีการบอกเลิกสัญญากันและโจทก์ได้รับเงินประกันตามสัญญาค้ำประกันของธนาคารจากธนาคารไปแล้ว ปัญหามีว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับรายวันตามสัญญาซื้อขายจากจำเลยทั้งสองหรือไม่ ตามสัญญาข้อ 8 วรรคแรก ระบุว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้ว ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อหรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ วรรคสองระบุว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกสัญญาค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 เป็นจำนวนเงินทั้งหมด หรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวน หรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายใน 12 เดือน นับแต่วันที่บอกเลิกสัญญาโดยให้นับวันที่บอกเลิกสัญญาเป็นวันเริ่มต้น ผู้ขายยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย ตามสัญญาข้อ 9 วรรคแรก ระบุว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ 8 ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวัน ในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน วรรคสองระบุว่า ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา และริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกสัญญาค้ำประกันตามสัญญาข้อ 7 กับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาที่ไม่สามารถส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ให้แก่โจทก์ทั้งๆ ที่โจทก์ได้ให้โอกาสจำเลยส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีคุณสมบัติตามสัญญาแล้ว โจทก์จึงได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยตามเอกสารหมาย จ.11 ทั้งยังได้ใช้สิทธิเรียกให้ชำระเงินตามสัญญาจากธนาคารแล้วในวันเดียวกันตามเอกสารหมาย จ.13, จ.14 สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นอันเลิกกันด้วยเหตุที่โจทก์ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญากรณีจึงต้องด้วยสัญญาข้อ 8 วรรคสอง ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกสัญญาค้ำประกันได้เท่านั้น แม้ก่อนที่โจทก์จะบอกเลิกสัญญา จำเลยได้ส่งมอบทองเหลืองหล่อให้โจทก์หลายครั้งก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่ได้รับเอาไว้เนื่องจากเป็นการส่งมอบทองเหลืองหล่อที่มีส่วนผสมและคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมิได้ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาเลย จึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา และโจทก์ได้ยอมรับไว้ โดยจะใช้สิทธิปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบนับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่จำเลยได้นำสิ่งของมาส่งให้โจทก์จนถูกต้องครบถ้วนหรือจนกว่าโจทก์จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ 9 แต่อย่างใด ดังนั้น โจทก์จึงหามีสิทธิเรียกค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยไม่
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.

Share