คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก. ผู้ร้องคัดค้านซึ่งได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทโดยตรงจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลาย เป็นคู่สัญญากับลูกหนี้จึงมิใช่บุคคลภายนอกตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 116
จำเลยที่ 2 ผู้เป็นลูกหนี้โอนขายทรัพย์พิพาทให้ ก. ในระหว่างเวลาเพียง 30 วัน ก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย โดยจำเลยไม่มีทรัพย์อื่นใดอีก ต้องถือว่าจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้ ก.ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น
การขอให้ศาลเพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 115 ไม่ต้องพิจารณาว่าผู้รับโอนได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่
บุคคลภายนอกซึ่งจะได้รับคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 116 นั้น นอกจากต้องเป็นผู้ได้รับโอน หรือได้สิทธิมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนแล้ว ยังต้องรับโอนหรือได้สิทธิมาก่อนมีการขอให้ล้มละลายด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ในทางไต่สวนผู้ร้องได้ความว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม๒๕๑๒ จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นคู่สมรสของจำเลยที่ ๑ รู้เห็นยินยอมด้วยได้โอนขายที่ดินโฉนดที่ ๔๗๓๐ ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่งจังหวัดราชบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่นายเกียรติแก้วเมื่อวันที่๑ ตุลาคม ๒๕๑๒ เพื่อมุ่งให้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น ทำให้โจทก์เสียเปรียบนายเกียรติแก้ว ได้สมคบกับนายสมคิดผู้รับโอน ทำการโอนขายทรัพย์ดังกล่าวให้ผู้รับโอนเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ โดยรู้หรือชอบจะรู้แล้วว่าทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ ไม่มีการจ่ายเงินหรือเสียค่าตอบแทนจริงจังและไม่สุจริต ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการฉ้อฉลรายนี้
นายสมคิดผู้รับโอนยื่นคำร้องคัดค้านว่าได้ซื้อที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน จดทะเบียนถูกต้องแล้วโดยนายเกียรติแก้วผู้โอนก็ได้ซื้อมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนจากจำเลยที่ ๒ ผู้คัดค้านและนายเกียรติแก้วไม่ทราบว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้โจทก์ และไม่ทราบว่าจำเลยทั้งสองถูกฟ้องล้มละลาย
นายเกียรติแก้วยื่นคำร้องขอเข้าเป็นผู้คัดค้านร่วมตามคำร้องคัดค้านของนายสมคิด ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องคัดค้านและสั่งให้เพิกถอนการโอน
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกาว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องขอให้เพิกถอนการโอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๕ผู้คัดค้านทั้งสองอาศัยสิทธิตามมาตรา ๑๑๖ ขึ้นต่อสู้ โดยผู้คัดค้านทั้งสองต่างเป็นบุคคลภายนอก ได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนก่อนมีการขอให้ล้มละลายตามมาตรา ๑๑๖ จะเพิกถอนการโอนไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่นายเกียรติแก้วผู้คัดค้านร่วมได้รับโอนทรัพย์สินพิพาทจากจำเลยที่ ๒ โดยตรง ซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลายนี้นายเกียรติแก้วจึงเป็นคู่สัญญากับลูกหนี้มิใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา ๑๑๖ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ เมื่อจำเลยที่ ๒ผู้เป็นลูกหนี้โอนขายทรัพย์พิพาทให้นายเกียรติแก้วในระหว่างเวลาเพียง๓๐ วันก่อนมีการฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย โดยจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นใดอีก ต้องถือว่าจำเลยกระทำโดยมุ่งหมายให้นายเกียรติแก้วได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นของจำเลยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลเพิกถอนการโอนได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา ๑๑๕โดยไม่ต้องพิจารณาว่า นายเกียรติแก้วได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่
บุคคลภายนอกตามมาตรา ๑๑๖ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายซึ่งจะได้รับความคุ้มครองได้ต่อเมื่อได้รับโอนหรือได้สิทธิมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนแล้วยังต้องรับโอนหรือได้สิทธิมาก่อนมีการขอให้ล้มละลายด้วย คดีนี้นายสมคิดได้รับโอนทรัพย์พิพาทเมื่อวันที่ ๑๑พฤศจิกายน ๒๕๑๒ ซึ่งเป็นเวลาหลังวันโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายถึงหนึ่งเดือน นายสมคิดจึงไม่ได้รับความคุ้มครองสิทธิของตนโดยไม่ต้องพิจารณาว่านายสมคิดได้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share