แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 เป็นบทบัญญัติทั่วไปอันเกี่ยวกับสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ จึงใช้บังคับได้ทั้งการเช่าและการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ เมื่อจำเลยเช่าช่วงที่ดินพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือต้องถือว่าจำเลยอาศัยสิทธิของโจทก์อยู่ในที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารได้เสมอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ปลูกบ้านอยู่ จำเลยขออาศัยที่ดินดังกล่าวบางส่วนปลูกเพิงค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อมาได้ต่อเติมเพิงรุกล้ำที่เช่าของโจทก์กว้างขึ้น โจทก์ให้จำเลยรื้อ แต่จำเลยไม่ยอมกลับอ้างว่าเป็นผู้เช่าโดยตรงจากเจ้าของเดิม และไปขอเลขบ้านจากอำเภอเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินดังกล่าว และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าโจทก์ได้แบ่งที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าช่วงเป็นส่วนสัด จำเลยไม่เคยต่อเติมรุกล้ำที่ดินของโจทก์
ชั้นชี้สองสถานจำเลยแถลงรับว่าจำเลยเช่าช่วงที่ดินจากโจทก์โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงว่าไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538เป็นบทบัญญัติทั่วไปอันเกี่ยวกับสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ จึงใช้บังคับได้ทั้งการเช่าและการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์เพราะการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่งนั่นเอง การที่จำเลยเช่าช่วงที่ดินรายพิพาทจากโจทก์ย่อมต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรานี้ เมื่อปรากฎว่าการเช่าช่วงของจำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ต้องถือว่าจำเลยอาศัยสิทธิของโจทก์อยู่ในที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารได้เสมอ
พิพากษายืน