คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานสอบสวนยึดรถยนต์ของโจทก์มาเก็บรักษาไว้เป็นของกลาง ย่อมมีหน้าที่เก็บรักษารถยนต์ดังกล่าวพร้อมอุปกรณ์ไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรมิให้รถยนต์ดังกล่าวและอุปกรณ์ต้องสูญหายหรือเสียหายการที่จำเลยที่ 2 นำรถยนต์ดังกล่าวไปจอดไว้ริมถนนนอกเขตสถานีตำรวจและไม่จัดให้มีผู้ดูแลรักษา แม้จะมีระเบียบกรมตำรวจระบุให้ผู้บังคับกองหรือหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นผู้เก็บรักษาของกลาง ก็เป็นระเบียบภายในกรมตำรวจทั้งไม่มีข้อความระบุให้บุคคลดังกล่าวรับผิดชอบในเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวดังนั้น เมื่ออุปกรณ์รถยนต์ดังกล่าวหายไปจึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมตำรวจ จำเลยที่ 1 ย่อมมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 76 เมื่อจำเลยที่ 2 กระทำตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2523 จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระประแดง ได้ยึดรถยนต์โดยสารประจำทางของโจทก์ 1 คันไว้เป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 18 กุมภาพันธ์2524 โจทก์ได้รับรถยนต์ดังกล่าวคืน ปรากฏว่าเครื่องอุปกรณ์ประจำรถยนต์ได้สูญหายไปหลายอย่างระหว่างถูกยึดและอยู่ในความดูแลรักษาของจำเลยที่ 2 รวมเป็นเงิน 347,470 บาท โจทก์ต้องเสียเวลาซ่อม 2 เดือน ขาดประโยชน์จากการใช้รถวันละ 2,000 บาทรวมเป็นเงิน 120,000 บาท จำเลยที่ 2 กระทำการแทนและกระทำในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดด้วย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 467,470 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า ทรัพย์สินที่สูญหายไปเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์เพราะจำเลยที่ 2 ขอให้โจทก์ส่งคนมาเฝ้ารักษา แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม หน้าที่และความรับผิดชอบในการเก็บรักษาของกลางอยู่กับผู้บังคับกอง ไม่ใช่จำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าเสียหาย 132,000บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 300,000บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่นั้น เห็นว่าจำเลยที่ 2 ใช้อำนาจในฐานะพนักงานสอบสวนยึดรถยนต์พิพาทของโจทก์มาเก็บรักษาไว้ จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่ต้องเก็บรักษารถยนต์พิพาทพร้อมอุปกรณ์ต่างๆไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรมิให้รถยนต์พิพาทและอุปกรณ์ต้องสูญหายหรือเสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 นำรถยนต์พิพาทไปจอดไว้ริมถนนนอกเขตสถานีตำรวจและไม่จัดให้มีผู้ดูแลรักษารถยนต์เลย เมื่ออุปกรณ์ของรถยนต์พิพาทหายไป จึงเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 แม้จะมีระเบียบกรมตำรวจระบุให้ผู้บังคับกองหรือหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นผู้เก็บรักษาของกลาง ก็ไม่มีข้อความใดระบุว่าผู้บังคับกองหรือหัวหน้าสถานีตำรวจจะต้องรับผิดชอบในเรื่องเก็บรักษาของกลางแต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งยังเป็นระเบียบภายในกรมตำรวจด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ในเรื่องความรับผิดของจำเลยที่ 1 นั้นเมื่อจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในสังกัดจำเลยที่ 1 จึงมีฐานะเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้กระทำตามหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดแก่โจทก์ด้วย
พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหาย

Share