คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3013/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยอ้างเหตุผลว่า “เช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน” เพราะโจทก์ยื่นเช็คให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่จำเลยออกเช็คนั้น ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497มาตรา 3 บัญญัติไว้ และถือไม่ได้ว่าเช็คที่จำเลยออกนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คหรือจำนวนเงินเหลือไม่พอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้และไม่ได้แสดงว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต การออกเช็คของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเช็คนั้นยื่นให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่วันออกเช็คนั้น มิได้เป็นผลจากการกระทำของจำเลย แต่เป็นเพราะความล่าช้าของผู้ทรงเอง ดังนั้น แม้ธนาคารจะปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คก็เกิดขึ้นไม่ได้จำเลยจึงมิได้กระทำความผิด พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีมีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่าจำเลยออกเช็คพิพาทลงวันที่ 15 กันยายน 2524 จำนวน20,000 บาท ชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดจำเลยขอร้องไม่ให้โจทก์นำเช็คไปขอรับเงินและจำเลยขอผัดผ่อนอีกหลายครั้ง ในที่สุดโจทก์นำเช็คไปขอรับเงินเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2526 ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คโดยอ้างว่า “เช็คพ้นกำหนดการจ่ายเงิน” เห็นว่า การที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างเหตุผลดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คตามที่พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 บัญญัติไว้ การปฏิเสธของธนาคารดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าเช็คที่จำเลยออกนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินที่จำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คหรือจำนวนเงินเหลือไม่พอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้ และไม่ได้แสดงว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต การออกเช็คของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดดังที่โจทก์ฟ้อง การที่โจทก์ฎีกาว่าข้อกำหนดที่ให้ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินได้เมื่อนำเช็คมายื่นให้ใช้เงินเกิน 6 เดือนนับแต่วันสั่งจ่าย ไม่ใช่ข้อห้ามเด็ดขาดธนาคารจะใช้เงินตามเช็คก็ได้หากเงินในบัญชีมีพอจ่าย และฎีกาว่าการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะยื่นเช็คให้ใช้เงินเมื่อพ้นเวลา 6 เดือนนับแต่วันออกเช็คนั้นเป็นผลมาจากการกระทำของผู้ใด และจะมีผลทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหรือไม่นั้น จึงไม่เป็นปัญหาต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาเห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผล

พิพากษายืน

Share