แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โพยเป็นเพียงของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยในขณะจับกุมและเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบส่วนยอดเงินในโพยจะมีมากน้อยเพียงใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา โพยของกลางและยอดเงินตามโพยจึงไม่ใช่องค์ประกอบของความผิดฐานเล่นการพนันสลากกินรวบ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ถือเอาเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ของรางวัลที่หนึ่งและเลขท้าย 2 ตัว ของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2541 เป็นเลขถูกรางวัล โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนั้นเป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพย่อมแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาตามฟ้องโจทก์ได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดองค์ประกอบของความผิดและไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบซึ่งเป็นการพนันตามบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478พนันเอาทรัพย์สินกัน โดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินใช้ การเล่นการพนันนี้ถือเอาเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ของรางวัลที่หนึ่ง และเลขท้าย 2 ตัว ของสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2541 เป็นเลขถูกรางวัล ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย มีผู้นำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมโพย 7 แผ่น อันเป็นอุปกรณ์ในการเล่นดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบของกลาง และจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและฎีกาเพิ่มเติมของจำเลยเฉพาะข้อ 3 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยจำเลยกล่าวอ้างในฎีกาและฎีกาเพิ่มเติมว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงยอดเงินในโพย ไม่ได้ถ่ายสำเนาโพยแนบมาท้ายฟ้อง และไม่ได้ส่งต้นฉบับโพยเป็นพยาน ทำให้จำเลยไม่ทราบรายละเอียดว่าในโพยมียอดเงินเท่าใด ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขาดองค์ประกอบความผิด ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า โพยเป็นเพียงของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยในขณะทำการจับกุม และเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบตามฟ้อง ยอดเงินในโพยจะมีมากน้อยเพียงใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหากจำเลยให้การปฏิเสธโพยของกลางและยอดเงินตามโพยจึงมิใช่องค์ประกอบของความผิดฐานเล่นการพนันสลากกินรวบตามบัญชี ข. หมายเลข 16 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบ พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ถือเอาเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ของรางวัลที่หนึ่งและเลขท้าย 2 ตัว ของสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 สิงหาคม 2541 เป็นเลขถูกรางวัล ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเป็นการบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพก็ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาตามฟ้องโจทก์ได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดองค์ประกอบของความผิดและไม่เคลือบคลุม ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อย่างไรก็ตามสำหรับฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษนั้นแม้ว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อนี้ของจำเลยมาแล้วก็ตาม แต่ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมโพยเพียง 7 แผ่น จำนวนเงินตามโพยไม่มาก ไม่มีเงินสดเป็นของกลาง ตามพฤติการณ์ไม่อาจแสดงให้เห็นได้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบรายใหญ่ พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจำเลยมีหน้าที่การงานทำเป็นหลักแหล่ง มีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรอีก 2 คน ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับโทษตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองก็เป็นโทษจำคุกระยะสั้น นอกจากจะไม่เกิดผลในการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องโทษให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีได้แล้ว ยังส่งผลให้ผู้ต้องโทษมีประวัติเสื่อมเสีย กรณีจึงมีเหตุสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำจึงให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง และเพื่อไม่ให้จำเลยหวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก จึงให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งเป็นเงิน 5,000 บาทลดโทษจำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยไว้ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีก กับให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับแก่ผู้นำจับตามกฎหมายนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์