คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ที่สามีโจทก์ขับ และโจทก์นั่งซ้อนท้ายเป็นเหตุให้สามีโจทก์ตายและโจทก์บาดเจ็บสาหัส โดยจำเลยที่ 1 ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ที่ 3ซึ่งเป็นนายจ้าง จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยรถคันเกิดเหตุที่จำเลยที่ 1 ขับทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน จำเลยที่ 1 ขับรถคันเกิดเหตุไปนอนค้างกับเพื่อนที่ดอนเมือง รุ่งขึ้นจำเลยที่ 1 ขับรถคันดังกล่าวมาชนกับรถโจทก์จึงเป็นการกระทำนอกเหนือไปจากทางการที่จ้าง

จำเลยที่ 3 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 เหตุเกิดเพราะความประมาทของผู้ตาย

จำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธความรับผิดทำนองเดียวกันกับจำเลยที่ 1 ที่ 2

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดในวงเงิน 100,000 บาท

จำเลยที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 4 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถโดยประมาทนั้น เห็นว่าฝ่ายโจทก์มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาท และจำเลยที่ 1 ถูกดำเนินคดีอาญา ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุด ดังนี้จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยจะฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถโดยประมาท โดยไม่ได้นำสืบหักล้างไว้ในชั้นสืบพยานจึงฟังไม่ขึ้น

จำเลยฎีกาอีกว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 4 รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัย ไม่ได้ฟ้องให้รับผิดในฐานะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ฉะนั้นฎีกาของจำเลยที่ 4 เกี่ยวกับข้อนี้จึงไม่ได้เป็นประเด็นโดยตรงแห่งคดีระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 4 จะหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

จำเลยที่ 4 ฎีกาอีกข้อหนึ่งปฏิเสธความรับผิดอ้างว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาตให้ใช้ได้แล้วจึงถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องขนส่งโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นการขัดต่อเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1ขาดต่อใบอนุญาตยังไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย ตามที่ระบุเป็นเงื่อนไขไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้น

จำเลยที่ 4 ฎีกาข้อสุดท้ายว่า ในกรมธรรม์ประกันภัยได้จำกัดความรับผิดไว้ว่า บริษัทประกันภัยจำกัดความรับผิดเป็นเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคนไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้ง การที่ศาลล่างให้จำเลยที่ 4รับผิดในความตายของสามีโจทก์ 50,000 บาท และที่โจทก์บาดเจ็บอีก50,000 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท จึงขัดกับเงื่อนไขดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่า เอกสารสัญญาประกันภัยรายการ 4 จำนวนเงินจำกัดความรับผิดตามสัญญาข้อ 2.1 บรรทัดแรก 50,000 บาทต่อหนึ่งคน บรรทัดถัดลงมา 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้ง รวมทั้งได้พิจารณาถึงเบี้ยประกันภัยในรายการที่ 6ซึ่งผู้เอาประกันภัยชำระให้จำเลยที่ 4 อันเป็นจำนวนเงินเพียงเล็กน้อยแล้วเห็นว่า แม้ในสัญญาจะระบุจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 4 ในกรณีก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือตายของบุคคลภายนอกไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อก่อให้เกิดการเสียหายแก่บุคคลภายนอกหลายคนแล้ว จำเลยที่ 4 จะต้องรับผิดในค่าเสียหายแก่ทุกคนในวงเงินคนละไม่เกิน 50,000 บาท เพราะตามสัญญาข้อ 2.1 ในบรรทัดถัดลงมาได้จำกัดความเสียหายในวงเงินไว้ 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้ง ซึ่งหมายความว่าถ้าหากเกิดอุบัติเหตุก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอกหลายคนด้วยกัน ทุกคนมีสิทธิได้รับค่าเสียหายจากจำเลยที่ 4 ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 4 ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดเป็นเงิน 50,000 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share