คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีผู้อื่นจำนองที่ดินเป็นประกันโจทก์ฟ้องจำเลยและผู้จำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้และดอกเบี้ย ถ้าไม่ใช้ให้ผู้จำนองใช้แทนโดยให้ไถ่ถอนจำนองหรือขายทอดตลาดที่ดินเอาเงินใช้ จำเลยไม่ใช้และไม่มีทรัพย์ให้ยึดโจทก์จึงยึดที่ดินที่จำนอง แต่ยังไม่ทันขายทอดตลาดผู้จำนองได้ตกลงโอนที่ดินที่จำนองให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่ง หักแล้วยังมีหนี้ค้างชำระอยู่อีกการที่ผู้จำนองโอนที่ดินจำนองให้โจทก์นี้เป็นการเอาที่ดินจำนองตีใช้หนี้กันระหว่างโจทก์ผู้รับจำนองกับผู้จำนอง ไม่ใช่กรณีเอาทรัพย์จำนองหลุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 729 หรือเอาออกขายทอดตลาดตามมาตรา 728 จึงนำมาตรา 733 มาบังคับไม่ได้เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ก็ย่อมมีสิทธิ์เรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ชำระส่วนที่ยังขาดอยู่ได้ เมื่อจำเลยยังเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกินกว่า 1,000 บาท และไม่มีทรัพย์สินให้ยึดมาชำระหนี้ ศาลพิพากษาในพิทักษ์ทรัพย์จำเลยโดยเด็ดขาดได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 42/2505)

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 500,000 บาท ได้มอบโฉนดที่ดิน 1 แปลงของนายบุญเกษจำนองเป็นประกันหนี้ ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยกับนายบุญเกษให้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าไม่ใช้ ให้นายบุญเกษใช้แทนโดยให้ไถ่ถอนจำนองหรือขายทอดตลาดที่ดินนั้นเอาเงินใช้หนี้แทนจำเลย ในชั้นบังคับคดีจำเลยไม่ใช้หนี้ และไม่มีทรัพย์สินให้ยึดโจทก์จึงยึดที่ดินที่นายบุญเกษจำนองไว้กับโจทก์แต่ยังไม่ทันขายทอดตลาด นายบุญเกษได้ตกลงโอนที่ดินที่จำนองให้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งโดยตีราคา 382,000 บาท หักแล้วโจทก์ยังไม่ได้รับชำระอีก 286,000 บาทเศษ จำเลยไม่มีทรัพย์อื่นใดที่โจทก์จะยึดมาชำระหนี้ได้ โจทก์จึงฟ้องขอให้พิพากษาว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย

ศาลแพ่งเห็นว่า กรณีต้องด้วยมาตรา 733 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำว่า ลูกหนี้ ตามมาตรานี้หมายรวมตลอดถึงจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ด้วย หนี้รายนี้จึงระงับสิ้นไปแล้ว โจทก์ฟ้องให้จำเลยล้มละลายไม่ได้

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำว่า ลูกหนี้ในมาตรา 733 หมายความถึงลูกหนี้ผู้จำนองเท่านั้น จำเลยยังไม่หลุดพ้น พิพากษากลับให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า การที่จะนำเอามาตรา 733 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับได้นั้นต้องเป็นกรณีที่เอาทรัพย์สินซึ่งจำนองหลุดตามมาตรา 729 หรือเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดตามมาตรา 728 แต่กรณีนี้ไม่ใช่ แต่เป็นการเอาที่ดินที่จำนองตีใช้หนี้กันระหว่างโจทก์ผู้รับจำนองกับนายบุญเกษผู้จำนองตามมาตรา 321 วรรค 1 ฉะนั้นจึงนำมาตรา 733 มาบังคับในกรณีนี้ไม่ได้ เมื่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ของจำเลยได้รับชำระหนี้ไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ในส่วนที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระได้ พิพากษายืนในผลที่ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยโดยเด็ดขาด

Share