แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องกล่าวขัดแย้งกันในตัวโดยบรรยายฟ้องข้อ 1.ยืนยันว่าจำเลยลักทรัพย์โจทก์ แต่ในข้อ 2 กลับกล่าวแถมว่าจำเลยทำผิดฐานรับของโจรมิหนำซ้ำยังเพิ่มความในวงเล็บอันทำให้เข้าใจไปได้ว่าทรัพย์เหล่านั้นได้หายมาก่อนวันตามฟ้องข้อ 1 ดีงนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องบรรยายความว่า
“ข้อ ๑. ระหว่างวันที่ ๑๕ ก.ค.๙๕ ถึง วันที่ ๒๐ เดือนเดียวกัน เวลากลางคืนจำเลยได้สมคบกันลักกระดานไม้เคี่ยมของโจทก์ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลารวม ๓๙ แผ่นราคา ๗,๘๙๐ บาท เหตุเกิดที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
ข้อ ๒. ครั้นวันที่ ๒๓ ก.ค.๙๕ เวลากลางวันจับไม้ของกลางได้จากจำเลยทั้งเจ็ดรวมไม้ ๔๐ แผ่น(ก่อนเกิดเหตุในข้อ ๑ ได้มีคนร้ายลักกระดานไม้เคี่ยมของโจทก์ไปครั้งหนึ่งแล้ว) ทั้งนี้โดยจำเลยลักไม้กระดานของโจทก์ไปตามวันเวลาในข้อ ๑ หรือจำเลยนี้รับเอาไม้ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมาอันเป็นการกระทำผิดกฏหมาย เหตุข้อนี้เกิดที่ตำบลหัวเขา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ฯลฯ “ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งหมดปฏเสธ
ศาลจังหวัดสงขลาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องขัดกันเองในตัวเป็นฟ้องเคลือบคลุม ทำให้จำเลยเสียเปรียบตามคำพิพากษาฏีกาที่ ๗๒๒/๒๔๘๑ และที่ ๑๙๑๔/๒๔๙๔ ทั้งขอเท็จจริงที่โจทก์นำสืบก็ไม่สม พิพากษายกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับศาลชั้นต้นในข้อกฏหมายว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายืน
โจทก์ฏีกา
ศาลฏีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์กล่าวขัดแย้งกันในตัวโดยบรรยายฟ้องข้อ ๑ ยืนยันว่าจำเลยบังอาจลักทรัพย์ของโจทก์ แต่ในข้อ ๒ กลับกล่าวแถมว่าจำเลยทำผิดฐานรับของโจร มีหนำซ้ำความในวงเล็บทำให้เข้าใจไปได้ว่าทรัพย์เหล่านั้นได้หายมาก่อนวันตามฟ้องข้อ ๑ เสียอีก จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ไม่ชอบด้วยประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๕)
พิพากษายืน ให้ยกฏีกาโจทก์