แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่หาว่าจำเลยตัดฟันและชักลากไม้หวงห้ามจากที่ป่าหากข้อเท็จจริงพอสันนิษฐานได้ในเบื้องต้นว่าที่รายพิพาท เป็นที่ป่าแต่จำเลยจะขอนำสืบพะยานต่อไปวาไม่ใช่ที่ป่า จึงจะพ้นผิด ดังนี้ ศาลต้องดำเนินการสืบพะยานจำเลยต่อไป จะสั่งงดเสียมิได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกับพวกตัดฟันไม้สัก ๗๒ ต้น อันเป็นไม้หวงห้ามจากที่ป่า และจำเลยกับพวกได้ชักลากไม้จากที่ป่ามาไว้ยังบ้านผู้มีชื่อ โดยมิได้รับอนุญาต จำเลยให้การว่าได้ตัดฟันไม้สัก ๗๒ ต้นในที่ดินของผู้มีชื่อครอบครองถือกรรมสิทธิ และอนุญาตให้จำเลยตัดฟันเพื่อเอาที่ดินทำเป็นนา จำเลยร้องขอสืบพะยานต่อไป
ศาลชั้นต้นสอบคู่ความแล้ว สั่งงดสืบพะยานจำเลยที่จะขอสืบว่าที่ดินที่ต้นสักขึ้นไม่ใช่ที่ป่าพิพากษาว่าจำเลยตัดฟันไม้สักในที่ที่ซึ่งมีเจ้าของ ไม่ใช่หวงห้ามไม่มีความผิด และฟ้องโจทก์ก็ชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยชักลากไม้จากที่ป่า พิพากษากลับให้ปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ๒๔๘๔ มาตรา ๑๑,๗๓ กะทงหนึ่ง ๕๐๐ บาท และฐานชักลากไม้ตามมาตรา ๓๙,๗๑ อีกกะทงหนึ่ง ๕๐ บาท ริบไม้ของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าตามแผนที่และคำแถลงในรายงานพิจารณาพอสันนิษฐานได้ในเบื้องต้นว่า ที่รายพิพาทเป็นที่ป่า แต่จำเลยยังร้องขอสืบพะยานต่อไป หากจำเลยสืบได้ว่าไม่ใช่ที่ป่าจึงจะพ้นผิด
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานจำเลย แล้วพิพากษาใหม่