คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ออกเดินทางจากบ้านเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่และประสบอุบัติเหตุในระหว่างเดินทาง โจทก์ยังไม่ได้ลงมือทำงานให้แก่นายจ้าง ที่โจทก์ต้องกลับบ้านไปบอกให้ครอบครัวทราบว่าโจทก์จะต้องทำงานในวันเกิดเหตุทำให้โจทก์ต้องเดินทางออกจากบ้านมายังที่ทำงานก็เป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ไม่เกี่ยวกับงานที่โจทก์ต้องทำ และการที่โจทก์ตั้งใจแวะซื้อเครื่องปรุงอาหารบางอย่างที่โจทก์เห็นว่าขาดหรือหมดไปจากตลาดที่อยู่ในระหว่างทาง ก็ไม่ปรากฏว่านายจ้างได้มีคำสั่งให้กระทำเช่นนั้น จึงแสดงอยู่ในตัวว่าโจทก์กระทำเอง ไม่ได้ทำตามคำสั่งของนายจ้าง จะถือว่าโจทก์ได้รับอันตรายเนื่องจากการทำงานตามคำสั่งของนายจ้างหรือเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหาได้ไม่ กรณีของโจทก์มิใช่การประสบอันตรายตามความหมายของพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 5 จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนและพิพากษาว่าโจทก์ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ให้จำเลยจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นเงิน 35,000 บาท ค่าทดแทนระหว่างหยุดงานเป็นเงิน 6,600 บาท และค่าทดแทนเนื่องจากโจทก์สูญเสียดวงตาข้างซ้ายเป็นเงิน 291,500 บาท

จำเลยให้การว่า โจทก์ประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางก่อนลงมือทำงาน การประสบอันตรายของโจทก์จึงมิได้เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนที่ รส 0711/2339 ลงวันที่ 1 เมษายน 2541 และให้จำเลยชำระเงินทดแทนแก่โจทก์คือค่ารักษาพยาบาลจำนวน 35,000 บาท ค่าทดแทนกรณีลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้จำนวน 6,600 บาท และค่าทดแทนการสูญเสียดวงตาข้างซ้ายจำนวน 174,900 บาท คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์เดินทางออกจากบ้านไปทำงานตามคำสั่งของหัวหน้างานโดยตั้งใจจะแวะซื้อเครื่องปรุงอาหารที่ตลาดไปใช้ในการทำงานด้วย แล้วโจทก์ประสบอุบัติเหตุในระหว่างทางก่อนถึงเวลาปฏิบัติงาน เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานตามคำสั่งของนายจ้างหรือเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ออกเดินทางจากบ้านเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ปรุงอาหารและประสบอุบัติเหตุขับรถชนต้นไม้ในระหว่างเดินทางนั้นโจทก์ยังไม่ได้ลงมือทำงานให้แก่บริษัทแม่ปิงพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นนายจ้างแต่อย่างใด แม้จะได้ความว่านายสมภพ ขุนราช หัวหน้างานของโจทก์สั่งให้โจทก์มาทำงานในวันเกิดเหตุ งานที่โจทก์ได้รับมอบหมายให้ทำก็อยู่ในห้องครัวของบริษัทดังกล่าวอันเป็นสถานที่ที่โจทก์กำลังเดินทางไปและอยู่ในช่วงระยะเวลาระหว่าง 6 นาฬิกา ถึง 15 นาฬิกาเท่านั้น การที่โจทก์ต้องกลับบ้านไปบอกให้ครอบครัวทราบว่าโจทก์จะต้องทำงานในวันเกิดเหตุจึงทำให้โจทก์ต้องเดินทางออกจากบ้านมายังที่ทำงาน เป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ไม่เกี่ยวกับงานที่โจทก์จะต้องทำ การที่โจทก์ตั้งใจจะแวะซื้อเครื่องปรุงอาหารบางอย่างที่โจทก์เห็นว่าขาดหรือหมดไปจากตลาดที่อยู่ในระหว่างทางมาใช้ในการทำงานของโจทก์ด้วย ก็ไม่ปรากฏว่านายจ้างได้มีคำสั่งให้กระทำเช่นนั้น จึงแสดงอยู่ในตัวว่าโจทก์กระทำเอง ไม่ได้ทำตามคำสั่งของนายจ้าง ดังนี้ จะถือว่าโจทก์ได้รับอันตรายเนื่องจากการทำงานตามคำสั่งของนายจ้าง หรือเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหาได้ไม่ กรณีของโจทก์จึงมิใช่เป็นการประสบอันตรายตามความหมายของพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาตรา 5 โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share