แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้อาวุธปืนประทุษร้ายก่อนประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ใช้บังคับ การพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 140 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 3 จึงคลาดเคลื่อน เพราะประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 3 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 นั้น ไม่เป็นคุณแก่จำเลยจะนำมาใช้ปรับบทแก่การกระทำผิดของจำเลยหาได้ไม่ ต้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงเจ้าพนักงานขณะเข้าทำการจับกุมอันเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีอาวุธใช้ประทุษร้ายเป็นการกระทำกรรมเดียวกันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 140 และมาตรา 289, 80 ไม่ใช่ 2 กรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะเข้าทำการจับกุมจำเลยกับพวกในข้อหาฐานปล้นทรัพย์ อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยใช้อาวุธปืนยิง และฟ้องว่าจำเลยที่ ๓ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๙, ๘๐, ๘๓, ๓๗๑ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ข้อ ๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ กับให้ริบของกลางและนับโทษต่อ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๐ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๓, มาตรา ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐, มาตรา ๓๗๑ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑ ให้จำคุก ๑๘ ปี คำรับชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๑๒ ปี ริบของกลาง ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ปัญหาในชั้นฎีกามีว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานหรือไม่ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีความผิดดังกล่าวจริง และวินิจฉัยว่า แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๐ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๓ กับที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษกระทงที่หนักที่สุดนั้นยังคลาดเคลื่อนอยู่เพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๓ ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๐ นั้นไม่เป็นคุณแก่จำเลย จะนำมาใช้ปรับบทแก่การกระทำผิดของจำเลยหาได้ไม่และการทึ่จำเลยพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะเข้าทำการจับกุมจำเลยนี้เป็นกรรมเดียวกับการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมีอาวุธใช้ประทุษร้ายเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๐ และมาตรา ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๐ มาตรา ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ มาตรา ๓๗๑ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ที่ศาลล่างระบุไว้ แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ซึ่งเป็นบทและกระทงหนักที่สุดนอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์