คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อนคดีถึงที่สุดแล้วโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเอกสารหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสอง เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงต่อศาล โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีโดยอาศัยเหตุเรื่องหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมนั้นอีก เป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงินจำนวน100,000 บาท ไปจากโจทก์ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดใช้คืนเมื่อโจทก์ต้องการ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาโจทก์มีความจำเป็นต้องใช้เงินจึงมีหนังสือทวงถามไปยังจำเลยที่ 2สำหรับจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด จึงไม่ได้ทวงถาม จำเลยที่ 2 ได้รับหนังสือแล้วไม่ยอมชำระเงินแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันชำระต้นเงินและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องซึ่งโจทก์ขอคิดเพียง 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 130,000 บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15 ต่อปี ในต้นเงิน 100,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ในชั้นรับฟ้องศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 คงรับฟ้องไว้เฉพาะจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 2 เรื่องผิดสัญญาค้ำประกัน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 24/2531 หมายเลขแดงที่ 81/2531 ของศาลชั้นต้น ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ประเด็นวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่าฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 81/2531 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด ในประเด็นแรกเรื่องฟ้องซ้ำนั้น ได้ความว่าในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่โจทก์นำมาฟ้องในคดีนี้ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อนโดยวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีเอกสารหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 680 วรรคสองและคดีถึงที่สุดแล้ว โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาคัดค้านข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยดังกล่าวและพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นก็เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีแล้วว่า จำเลยที่ 2ไม่ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันโดยอาศัยเหตุที่โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดงต่อศาลโจทก์ฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี โดยอาศัยเหตุเรื่องหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดิมนั้นอีกกรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่าคดีนี้กับคดีก่อนเป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ดังนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 เช่นนี้ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นเรื่องความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share