แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ทั้งเป็นผู้ใช้ จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1ขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 คำบรรยายฟ้องโจทก์ไม่ได้ขัดแย้งกันและเป็นการยืนยันว่าเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ไม่ว่าจำเลยที่ 2 จะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 หรือเป็นตัวการก็ตามฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 2 ค – 4818 กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน 1 จ – 0977 กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 2เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2โดยเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 ผู้ครองครองควบคุมรถยนต์คันดังกล่าว และเป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 อีกทั้งเป็นผู้ใช้ จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ จำเลยที่ 3เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันนี้ในขณะเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28มีนาคม 2527 จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันนี้โดยประมาทตัดหน้ารถยนต์หมายเลขทะเบียน 2 ค – 4818 เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันชนกันและรถยนต์หมายเลขทะเบียน 2 ค – 4818 กรุงเทพมหานคร ได้รับความเสียหาย โจทก์ในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยนำไปซ่อมแซมเสียค่าซ่อม6,410 บาท จึงรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามพร้อมดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 6,853.34 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงิน 6,410 บาท นับแต่วันถัดวันจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 เพราะโจทก์ทิ้งฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 1ไม่ประมาท เหตุเกิดจากความประมาทของคนขับรถฝ่ายโจทก์ จำเลยที่ 3ไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายไม่เกิน 3,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ชำระเงิน 6,410 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 26 เมษายน 2527เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเห็นว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างหรือตัวการของจำเลยที่ 1 ทั้งเป็นผู้ใช้ จ้าง วาน หรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1ขับรถยนต์คันเกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างหรือที่ได้มอบหมายจากจำเลยที่ 2 ในขณะเกิดเหตุ ที่โจทก์บรรยายฟ้องมานี้มิได้ขัดแย้งกันและเป็นการยืนยันว่าเหตุเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ไม่ว่าจำเลยที่ 2 จะเป็นนายจ้างหรือเป็นตัวการก็ตาม เนื่องจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427ได้บัญญัติไว้ให้ใช้บทบัญญัติ มาตรา 425 และ 426 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของนายจ้างเพื่อผลแห่งละเมิดของลูกจ้างซึ่งกระทำไปในทางการที่จ้างบังคับแก่กรณีตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลมฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน.