คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 2,3 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้ในศาลจังหวัด ซึ่งยังมิได้ มีศาลแขวงเปิดทำการ สำหรับคดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไมเกิน หกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าพนักงานจับจำเลยในกระทงความผิด ฐานควบคุมเรือยนต์และเครื่องจักรยนต์โดยใช้ประกาศนียบัตรที่สิ้นอายุพร้อมกับกระทงความผิดฐานดูดทรายในแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยมิได้รับอนุญาต เมื่อกระทงความผิดฐานควบคุมเรือยนต์และเครื่องจักรยนต์โดยใช้ประกาศนียบัตรสิ้นอายุกฎหมายกำหนดอัตราโทษไว้จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท จึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้กับความผิดกระทงนี้ โดยพนักงานสอบสวนต้องส่งจำเลยให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องในกระทงความผิดนี้ภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่มีการจับกุมหรือต้องขอผัดฟ้องไว้ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมิได้ขอผัดฟ้อง และนำตัวจำเลยมาฟ้องหลังจากที่จับกุมในข้อหาดังกล่าวเกินกำหนดเวลาในมาตรา 7 โดยมิได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตามมาตรา 9 จึงเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในมาตรา 7 และ 9 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องด้วยวาจาว่า จำเลยเคยได้รับประกาศนียบัตรใช้เครื่องยนต์ชั้นที่ 2 แต่หมดอายุตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2515 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2521 เวลากลางวันจำเลยได้ควบคุมเรือยนต์และเครื่องจักรยนต์เดินในแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นเขตน่านน้ำไทย โดยใช้ประกาศนียบัตรที่สิ้นอายุดังกล่าวแล้ว เหตุเกิดที่ตำบลต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ตามวันเวลาเกิดเหตุเจ้าพนักงานจับจำเลยในข้อหาร่วมดูดทรายในแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโดยไม่รับอนุญาตและควบคุมเรือยนต์ เครื่องจักรยนต์โดยใช้ประกาศนียบัตรที่สิ้นอายุ ฐานความผิดแรกพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง พนักงานอัยการได้แจ้งข้อหาฐานความผิดหลังอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 เวลา 10.00 นาฬิกา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 277, 282 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 มาตรา 3

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยถูกจับเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2521 และถูกนำตัวถึงที่ทำการพนักงานสอบสวนวันเดียวกันเวลา 19.00 นาฬิกา ความผิดตามฟ้องเป็นความผิดต่างกรรมกับฐานความผิดดูดทรายในแม่น้ำเจ้าพระยา และอยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 7, 9 แม้จะมีการแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบอีกครั้งหนึ่งก็ไม่มีผลให้ระยะเวลาตามมาตรา 7 ตั้งต้นใหม่ เมื่อไม่มีคำอนุญาตของอธิบดีกรมอัยการโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ไม่ประทับฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 บัญญัติว่า “ในท้องที่ซึ่งยังมิได้มีศาลแขวงเปิดทำการให้นำวิธีพิจารณาความอาญาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญา ในศาลแขวงมาใช้ในศาลจังหวัด สำหรับคดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ส่วนมาตรา 2 มีความว่าจะให้ใช้บังคับในท้องที่ใด เมื่อใด ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ต่อมามีพระราชกฤษฎีกาลงวันที่ 31 ธันวาคม 2520 ให้ใช้บังคับในท้องที่อำเภอเมืองสิงห์บุรีและอำเภออินทร์บุรี โดยใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2521 เป็นต้นไปคดีนี้จึงอยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 7 และ 9 ซึ่งบทบัญญัติในมาตรา 7 มีความว่า ต้องยื่นฟ้องภายในกำหนด 72 ชั่วโมงนับแต่วันที่ผู้ต้องหาถูกจับกรณีมีเหตุจำเป็นให้ยื่นคำร้องขอผัดฟ้องไว้ ส่วนมาตรา 9 มีความว่าเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามมาตรา 7 จะฟ้องได้ต้องรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการ ได้ความตามฟ้องคดีนี้ว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2521 พร้อมกับข้อหาดูดทรายในแม่น้ำเจ้าพระยา แต่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องในข้อหาดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบอีกครั้ง เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 เวลา 10.00 นาฬิกาเห็นได้ว่าโจทก์หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในมาตรา 7 และ 9 ศาลอุทธรณ์ไม่รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share