แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสามฟ้องว่า จำเลยได้ทำละเมิดโดยการกลบลำเหมืองบนทางสาธารณะ ทำให้น้ำไม่ไหล ต้นข้าวของโจทก์ทั้งสามเสียหายการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้พิพากษาตามคำขอของโจทก์ว่า หากจำเลยไม่ยอมขุดลำเหมืองที่จำเลยกลบให้คืนสู่สภาพเดิม ให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้ขุดเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าจ้างนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า จำเลยได้กลบลำเหมืองซึ่งโจทก์ทั้งสามกับชาวบ้านได้ร่วมกันขุดขึ้นชิดทางเดินสาธารณะเพื่อให้น้ำไหลเข้าไปสู่นาของชาวบ้านทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกได้ทั่วถึง โดยได้รับอนุมัติจากสภาตำบลและทางอำเภอแล้ว ขอให้บังคับจำเลยขุดลำเหมืองที่จำเลยกลบให้คืนสู่สภาพเดิม หากจำเลยไม่ยอมขุดโจทก์ทั้งสามจะเป็นผู้ขุดเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าจ้าง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1เป็นเงิน 57,600 บาท แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 30,000 บาท แก่โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 15,000 บาท และนับแต่ฟ้องเป็นต้นไปแก่โจทก์ที่ 1 ปีละ 57,600 บาท แก่โจทก์ที่ 2 ปีละ 30,000 บาท แก่โจทก์ที่ 3 ปีละ 15,000 บาท จนกว่าจำเลยจะปล่อยน้ำไปตามลำเหมืองที่จำเลยปิดและโจทก์ทั้งสามทำนาได้
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การเป็นใจความว่า โจทก์ที่ 1 กับพวกเข้ามาขุดดินในที่ดินของจำเลย จำเลยจึงได้สั่งห้ามและกลบ โจทก์ที่ 1 กับพวกไม่เชื่อ จำเลยจึงไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจจำเลยไม่ต้องรับผิดเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายต่อโจทก์ทั้งสามขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสาม
โจทก์ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยขุดลำเหมืองที่จำเลยกลบชิดทางเดินทางด้านทิศตะวันตกสุด กว้าง 1 ศอก ลึก 1 ศอกไปตามทางสาธารณะยาว 4 วา ให้คืนสู่สภาพเดิม หากจำเลยไม่ยอมขุดให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้ขุดเอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าจ้าง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสาม คนละปีละ 1,000บาท นับแต่ปี 2527 เป็นต้นไปจนกว่าลำเหมืองที่กลบจะคืนสู่สภาพเดิมคำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1กับพวกขุดลำเหมืองพิพาทในแนวเขตทางสาธารณประโยชน์ มิใช่ขุดในที่ดินของจำเลย เมื่อจำเลยไปกลบลำเหมืองพิพาทดังกล่าวเสียทำให้น้ำที่สูบจากบ่อน้ำบาดาลไม่สามารถไหลผ่านไปยังที่นาของโจทก์ทั้งสามได้ จึงทำให้โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย โดยไม่สามารถใช้น้ำจากบ่อน้ำบาดาลดังกล่าวไปทำนาได้ จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามโดยชัดแจ้ง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาว่า หากจำเลยไม่ยอมขุดลำเหมืองให้คืนสู่สภาพเดิมให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้ขุดเอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าจ้างนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว
พิพากษาแก้เป็นให้ยกคำขอในส่วนที่ให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้ขุดลำเหมืองเอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าจ้างนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2