คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 นำเอาที่พิพาทของโจทก์ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3ก.) เป็นชื่อของตน และโอนขายที่พิพาทไป2 แปลงแก่จำเลยที่ 2 โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม ที่จำเลยที่ 2ซื้อที่พิพาทดังกล่าวเท่ากับซื้อไปจากผู้ที่ไม่มีสิทธิจะขาย แม้จำเลยที่ 2 จะซื้อด้วยความสุจริตเสียค่าตอบแทนและครอบครองที่พิพาทไว้ ก็ไม่ผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของแท้จริงและจะครอบครองไว้นานสัก เพียงใด ก็เป็นการครอบครองแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอยู่ตราบนั้นจำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิในที่พิพาทดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี พ.ศ. 2517 โจทก์ซื้อที่ดินมือเปล่าริมทางหลวงแผ่นดินสายจะนะ – ปากน้ำ – หนองจิก หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะสะบ้า อำเภอเทพา จังหวัดสงขลาจำนวน 3 แปลง จากนายประเวช ยอดประสิทธิ์ นายนิเบ็ง แม็ง และจากจำเลยที่ 1พร้อมกับเข้าทำประโยชน์ปลูกมะพร้าว และมอบที่ดินทั้ง 3 แปลงให้จำเลยที่ 1กับภรรยาดูแล ต่อมาปี พ.ศ. 2520 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2521 จำเลยที่ 1 บังอาจแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเทพาว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 1เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงได้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2081, 2088, 2242 และ 2245 รวา 4 ฉบับแก่จำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1นำที่ดินเลขที่ 2242 และ 2245 ไปขายให้แก่จำเลยที่ 2 การซื้อขายที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะขอให้บังคับโดยถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)เลขที่ 2081, 2088, 2242 และ 2245 ดังกล่าว แล้วให้ใส่ชื่อโจทก์แทนชื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2กับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ส่งมอบหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ให้แก่โจทก์หากไม่ส่งให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาท 2 แปลง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน จดทะเบียนตามกฎหมาย และครอบครองถือสิทธิเป็นเจ้าของตลอดมาที่พิพาทที่จำเลยที่ 2 ซื้อเป็นเพียงที่ดินมีสิทธิครอบครอง โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีคดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2081, 2088, 2242 และ 2245 หมู่ที่ 4ตำบลเกาะสะบ้า อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน ให้จำเลยทั้งสองนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ดังกล่าวคืนให้โจทก์เพื่อจะได้ใส่ชื่อโจทก์ในฐานะเจ้าของ หากจำเลยทั้งสองไม่คืนให้ยึดคำพิพากษานี้แสดงเจตนาแทน กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความจำนวน 5,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ที่มอบให้จำเลยที่ 1 ครอบครองดูแลแทน และพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่นำเอาที่พิพาทของโจทก์ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เป็นชื่อของตน และโอนขายที่พิพาทไป 2 แปลง คือ ที่ดินเลขที่ 2242 และ 2245 แก่จำเลยที่ 2 ก็ทำไปโดยโจทก์มิได้รู้เห็นหรือยินยอม ที่จำเลยที่ 2 ซื้อที่พิพาทดังกล่าวเท่ากับซื้อไปจากผู้ที่ไม่มีสิทธิที่จะขายให้แก่จำเลยที่ 2 ได้ แม้จำเลยที่ 2 จะซื้อที่พิพาทด้วยความสุจริตเสียค่าตอบแทนและครอบครองที่พิพาทไว้ ก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงได้ และจำเลยที่ 2จะครอบครองที่พิพาทไว้นานสักเท่าใด ก็เท่ากับเป็นการครอบครองแทนโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอยู่ตราบนั้น จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิในที่พิพาทดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่เนื่องจากที่พิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2081, 2088, 2242 และ 2245 รวม 4 แปลง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือสิทธิดังกล่าว จำเลยที่ 1 ได้นำไปขายให้แก่จำเลยที่ 2 เพียง 2 แปลง คือที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)เลขที่ 2242 และ 2245 ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ทั้ง 4 แปลง กับให้จำเลยทั้งสองคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ทั้ง 4 แปลง ดังกล่าวให้กับโจทก์เพื่อใส่ชื่อโจทก์ในฐานะเจ้าของ จึงเป็นการไม่ถูกต้องเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ถอนชื่อจำเลยที่ 1 ออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2081 และ 2088 และให้จำเลยทั้งสองถอนชื่อจำเลยทั้งสองออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 2242และ 2245 หมู่ที่ 4 ตำบลเกาะสะบ้า อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แล้วใส่ชื่อโจทก์แทนในฐานะเจ้าของ หากจำเลยทั้งสองไม่กระทำการดังกล่าวให้ถือคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนา ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share