แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ถือไม้ไผ่ยาวขนาด 1 เมตรกว้าง 2 เซนติเมตร เข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในบริเวณศาลชั้นต้นแล้วใช้ไม้ไผ่ดังกล่าวตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 2จำนวน 3 ที และเงื้อไม้ไผ่จะตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ล้มลงและได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขัง ได้ตรวจในถุงอาหารพบหลอดบรรจุเฮโรอีน 1 หลอด ที่ญาติส่งให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งกำลังจะส่งต่อให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ก็ตามแต่ห้องควบคุมของศาลมีขนาดไม่กว้างมากนัก อีกทั้งยังมีเจ้าพนักงานตำรวจคอยควบคุมความสงบเรียบร้อยอยู่ด้วย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3จึงไม่มีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องถือไม้ไผ่เข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องขังโดยเกรงว่าจะถูกทำร้ายตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3ฎีกา ดังนั้น การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ใช้ไม้ไผ่ตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ถึง 3 ทีและเงื้อไม้ไผ่จะตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 อีกโดยไม่มีเหตุที่จะอ้างตามกฎหมายได้ จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการละเมิดอำนาจศาล
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2538 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาหมายเลขพ.1754/2538 และ พ. 2090/2538 ของศาลชั้นต้นตามลำดับถูกเบิกตัวมาที่ศาลชั้นต้น ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องควบคุมของศาล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ของเรือนจำกลางจังหวัดชลบุรีตรวจค้นสิ่งของที่มีผู้นำมาเยี่ยมผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และที่ 2 พบเฮโรอีน 1หลอด ซุกซ่อนอยู่ในถุงแกง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จึงถือไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 เมตร เข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องหา หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที ผู้ต้องหาอื่นช่วยกันห้ามผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ซึ่งอยู่ในลักษณะหมดสติ มีเลือดไหลที่ศีรษะออกมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ล้มลงกับพื้น แล้วนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลของเรือนจำ โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ไม่ได้รายงานให้ศาลชั้นต้นทราบ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ให้ผู้อื่นลักลอบนำเฮโรอีนซุกซ่อนใส่ถุงอาหารมาให้ตนในห้องควบคุมของศาลชั้นต้น เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจของศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31 (1), 33 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ 2ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงไม่มีความผิด สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นั้น แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีหน้าที่ต้องตรวจค้นสิ่งของต้องห้ามในห้องควบคุมของศาล แต่เมื่อตรวจพบว่ามีการลักลอบนำเฮโรอีนซุกซ่อนใส่ถุงอาหารเข้ามาดังกล่าวข้างต้นแล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ก็มีหน้าที่ต้องรายงานให้ศาลทราบในทันทีการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นำไม้ไผ่เข้าไปสอบถามหาความจริงโดยพลการจนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้รับบาดเจ็บ มีแผลแตกที่ศีรษะและหมดสติไป เช่นนี้นับเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ก็หาได้รายงานให้ศาลทราบไม่ จนกระทั่งวันที่31 สิงหาคม 2538 ศาลชั้นต้นจึงได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำกลางจังหวัดชลบุรี พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3ถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลให้ลงโทษจำคุก 1 เดือน แต่ไม่ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงให้ลงโทษกักขัง1 เดือน แทนโทษจำคุก
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นตามทางไต่สวนซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มิได้นำสืบโต้เถียงเป็นอย่างอื่นว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2538 เวลาประมาณ 12 นาฬิกา ขณะผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ปฎิบัติหน้าที่ตรวจค้นสิ่งของต้องห้ามของผู้ต้องขังอยู่ที่หน้าห้องควบคุมของศาลชั้นต้น เห็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และที่ 2 พูดซุบซิบกันมีท่าทางพิรุธ ต่อมามีญาติส่งถุงอาหารให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 แล้วผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กำลังจะส่งต่อให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ขอตรวจค้นถุงอาหารพบหลอดบรรจุเฮโรอีน 1 หลอด จึงสอบถามผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และที่ 2 ต่างปฎิเสธว่าไม่ใช่ของตน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3จึงถือไม้ไผ่ยาวประมาณ 1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตรเข้าไปในห้องควบคุมสอบถามผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ก่อน แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ปฎิเสธจึงถูกผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ใช้ไม้ไผ่ตีที่บริเวณหลัง 3 ที ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จึงรับว่ารับเฮโรอีนแทนผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เดินเข้าไปหาผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เงื้อไม้ไผ่ขึ้นจะตี แต่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1หลบและลื่นล้มหงายหลังเป็นผลให้ศีรษะแตกยาวประมาณ 2 เซนติเมตรมีโลหิตไหลออกมากและหมดสติ ต่อมามีโลหิตไหลออกจากหูข้างซ้ายและหูอื้ออยู่ตลอดเวลา ปวดศีรษะเป็นบางเวลา หากอากาศร้อนจัดจะมีอาการปวดใบหน้าซีกซ้ายและมีอาการปวดร้าวตามชายโครงด้านซ้าย
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ประการแรกว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3เป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3ถือไม้ไผ่ยาวขนาด 1 เมตร กว้าง 2 เซนติเมตร เข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในบริเวณศาลชั้นต้นแล้วใช้ไม้ไผ่ดังกล่าวตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จำนวน 3 ทีและเงื้อไม้ไผ่จะตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ล้มลงและได้รับบาดเจ็บแม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขัง ได้ตรวจในถุงอาหารพบหลอดบรรจุเฮโรอีน 1 หลอดที่ญาติส่งให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งกำลังจะส่งต่อให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ก็ตาม แต่ห้องควบคุมของศาลมีขนาดไม่กว้างมากนักอีกทั้งยังมีเจ้าพนักงานตำรวจคอยควบคุมความสงบเรียบร้อยอยู่ด้วยผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จึงไม่มีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องถือไม้ไผ่เข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องขังโดยเกรงว่าจะถูกทำร้ายตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ฎีกา ดังนั้น การที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ใช้ไม้ไผ่ตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ถึง 3 ที และเงื้อไม้ไผ่จะตีผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 อีก โดยไม่มีเหตุที่จะอ้างตามกฎหมายได้ จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นการละเมิดอำนาจศาล”
พิพากษายืน