คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยลักใบยาโดยใช้ ร.และก.ขนไปร. ก.ไม่รู้ไม่ได้ร่วมทำผิด จำเลยเป็นผู้ลักทรัพย์ ไม่ใช่ใช้ให้ร.ก.ทำผิดคำของร.ก.มีน้ำหนักให้รับฟังได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 84 จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2,3ผิดตามมาตรา 357 จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 1 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 จำคุก 2 ปีให้คืนหรือใช้ทรัพย์ 84,000 บาทจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “นายแก้ว นายฤทธิ์ พยานโจทก์เบิกความตรงกันว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งให้นายแก้ว นายฤทธิ์ไปขนใบยาของโจทก์ร่วมที่โกดังหนองหอย 40 ลูก โดยให้ค่าจ้างพิเศษ 2 บาทต่อใบยา1 ลูก จึงได้ไปขนตามที่สั่ง นอกจากนี้นายจันทร์พยานโจทก์ซึ่งเป็นยามเฝ้าโกดังก็เบิกความรับกันว่าเห็นนายฤทธิ์ นายแก้วเป็นผู้ขนใบยาขึ้นรถ40 ลูก มีนายเสน่ห์เป็นคนขับรถบรรทุกใบยาทั้งหมดไป เห็นว่านายแก้วนายฤทธิ์เป็นเพียงคนงาน ถ้าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าไม่ได้เป็นผู้สั่ง คงไม่กล้าเอาใบยาออกจากโกดังบรรทุกขึ้นรถจำนวนมากเช่นนี้ คำของนายแก้ว นายฤทธิ์มิใช่ผู้ร่วมกระทำผิด มีน้ำหนักให้รับฟัง ได้ความจากนายฤทธิ์ต่อไปว่าได้ติดรถบรรทุกไปที่โกดังบริษัทใบยาเอเซียอาคเนย์ จำกัดพบจำเลยที่ 2 และเป็นผู้สั่งให้นำใบยาทั้ง 40 ลูกลง เป็นผู้ดึงป้ายของโจทก์ร่วมที่ติดอยู่กับลูกยาออกทั้งหมด นอกจากนี้ได้ความจากนายจันทร์ พยานโจทก์ว่าหลังเกิดเหตุ 2 วัน จำเลยที่ 2 ไปพบนายจันทร์สั่งนายจันทร์ให้ไปพบจำเลยที่ 2 ที่บ้านแล้วให้เงินนายจันทร์ 3,000 บาท โดยบอกว่าให้เอาไว้ใช้ ไม่มีเหตุผลที่จำเลยที่ 2 จะจ่ายเงินให้นายจันทร์จำนวนมากเช่นนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องต้องการจะปิดปากนายจันทร์ ทั้งในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1ก็ให้การรับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้มั่นคงว่า จำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม โดยใช้ให้นายฤทธิ์ นายแก้วเป็นผู้ขนทรัพย์รายนี้ดังโจทก์ฟ้อง และจำเลยที่ 2 ได้รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของร้ายข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองที่อ้างว่ายอมรับสารภาพเพราะจำเลยที่ 1 ถูกทำร้ายและจำเลยที่ 2 ถูกขู่ว่าจะทำร้าย นายแก้ว นายฤทธิ์มีสาเหตุโกรธเคืองกันและนายจันทร์เป็นคนของโจทก์ร่วม ไม่น่ารับฟังไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2มานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ด้วยนั้น ยังไม่ถูกต้องเพราะจำเลยที่ 1มิใช่เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นลักทรัพย์ของโจทก์ร่วม” ฯลฯ

“พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share