คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้จัดการธนาคารสาขาของโจทก์ได้อนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีผิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์การที่จำเลยรายงานยอดบัญชีไปให้โจทก์ทราบทุกสิ้นเดือนทุกหกเดือนและทุกสิ้นปีโดยแจ้งชื่อลูกหนี้และประเภทหนี้รวมทั้งการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีด้วยนั้นการรายงานดังกล่าวเป็นเพียงการรายงานตามที่โจทก์วางระเบียบไว้เป็นเรื่องจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนรายงานกิจการที่ได้กระทำไปต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการแม้โจทก์ทราบการกระทำของจำเลยที่ผิดระเบียบแล้วไม่ทักท้วงคัดค้านก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ให้สัตยาบันในการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีผิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์ ฟ้องโจทก์ที่กล่าวว่าจำเลยเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์จำเลยกระทำการเกินอำนาจของผู้จัดการสาขามิได้ปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์โดยเคร่งครัดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายนั้นเป็นการฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนให้รับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการในการที่จำเลยกระทำการนอกเหนืออำนาจที่โจทก์มอบหมายตามป.พ.พ.มาตรา812มีอายุความ10ปี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์ได้อนุมัติให้ลูกหนี้รวมสามรายกู้เบิกเงินเกินบัญชีไปผิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์ โจทก์ทวงถามลูกหนี้ทั้งสามรายให้ชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว ลูกหนี้ทั้งสามรายต่างเพิกเฉย โจทก์จึงเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยยอมรับผิดและทำหนังสือรับผิดรับใช้ยินยอมชำระเงินแก่โจทก์เป็นหลักฐาน คิดรวมหนี้ทุกรายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นต้นเงินและดอกเบี้ยรวม 965,398.75 บาทโจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยกระทำการตามฟ้องภายใต้การรู้เห็นยินยอมของโจทก์จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว การที่จำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้ทั้งสามรายเบิกเงินเกินบัญชีตามฟ้อง จำเลยกระทำไปโดยโจทก์อนุมัติ และยินยอมทั้งสิ้น โจทก์เองก็ได้รับประโยชน์จากการกระทำของจำเลยดังกล่าว ลูกหนี้ยังมีหลักทรัพย์และทรัพย์สินเพียงพอที่โจทก์จะยึดมาชำระหนี้ได้ โจทก์มิได้รับความเสียหายหนังสือรับผิดรับใช้ตามฟ้องเป็นหนังสือที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหนี้ดังกล่าวไม่ใช่หนี้ของจำเลย การที่จำเลยยอมชำระหนี้ดังกล่าวเป็นการชำระหนี้โดยขืนใจลูกหนี้ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามหนังสือรับผิดรับใช้เป็นกรณีฟ้องในลักษณะละเมิด ซึ่งมีอายุความ1 ปี คดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับผิดรับใช้ฉบับลงวันที่ 17 มีนาคม 2520 เป็นเงิน 170,726.67 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 47,765.85 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2520 และในต้นเงิน 122,960.82 บาท ตั้งแต่วันที่17 กุมภาพันธ์ 2524 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ และตามหนังสือรับผิดรับใช้ ฉบับลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2522 เป็นเงิน684,014.02 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ค้างชำระของห้างหุ้นส่วนจำกัดซุปเปอร์การพิมพ์อีก 27,459.83 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 2,500 บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้ดังกล่าวทั้งสามรายกู้เบิกเงินเกินบัญชีไปผิดต่อระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าเมื่อจำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้ดังกล่าวทั้งสามรายกู้เบิกเงินเกินบัญชีไป จำเลยได้รายงานให้โจทก์ทราบแล้ว โจทก์ไม่ทักท้วง แต่โจทก์กลับยอมรับผลประโยชน์ที่เกิดจากการกระทำของจำเลยดังกล่าว ถือว่าโจทก์ให้สัตยาบันแล้วจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่าการที่จำเลยรายงานยอดบัญชีไปให้โจทก์ทราบทุกสิ้นเดือน ทุกหกเดือน และทุกสิ้นปี โดยต้องแจ้งชื่อลูกหนี้และประเภทหนี้ รวมทั้งการที่จำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีด้วยนั้น การรายงานดังกล่าวเป็นเพียงการรายงานตามที่โจทก์วางระเบียบไว้ เป็นเรื่องจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนรายงานกิจการที่ได้กระทำไปต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการ แม้โจทก์ทราบการกระทำของจำเลยที่ผิดระเบียบแล้วไม่ทักท้วงคัดค้าน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์ให้สัตยาบันการกระทำดังกล่าวของจำเลยดังที่จำเลยฎีกาพฤติการณ์ดังกล่าวหาทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดไม่…

ฯ ล ฯ
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยอนุมัติให้ลูกหนี้ทั้งสามรายกู้เบิกเงินเกินบัญชีไปผิดต่อระเบียบของธนาคารโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นการฟ้องในมูลละเมิดซึ่งมีอายุความ 1 ปี โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลา 1 ปีแล้วคดีของโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่าโจทก์กล่าวในฟ้องด้วยว่าจำเลยเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์ จำเลยกระทำการเกินอำนาจของผู้จัดการสาขา มิได้ปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์และคำสั่งของโจทก์โดยเคร่งครัดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ตามคำฟ้องดังกล่าวเป็นการฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนให้รับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นตัวการในการที่จำเลยกระทำการนอกเหนืออำนาจที่โจทก์มอบหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812 ซึ่งมีอายุความ 10 ปีหาใช่ฟ้องจำเลยในมูลละเมิดไม่ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 11มิถุนายน 2525 ยังไม่เกิน 10 ปี ดังนี้คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ…”
พิพากษายืน.

Share