คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. บ. และ ส. กับจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ได้จัดแบ่งที่ดินมรดกและตกลงให้มีการทำถนนเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินด้านในๆ มีทางออกสู่ถนนได้กับตกลงกำหนดแนวทางที่จะทำถนนไว้แล้ว ป. บ. และ ส. เป็นโจทก์โดย ป. และ บ. มอบอำนาจให้ ส. ฟ้อง อ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่ยอมสละที่ดินให้ทำถนน อันเป็นการฟ้องให้สละที่ดินทำถนนเพื่อทายาทอื่นใช้ร่วมกันตามข้อตกลงแบ่งมรดกตามที่ ป. บ. และ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเห็นพ้องต้องกัน ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกร่วมกันนั่นเองไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนให้จัดการมรดกรายนี้โดยไม่มีอำนาจ อันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายกวีตามคำสั่งของศาลแพ่ง โจทก์ที่ ๒ ได้รับมอบอำนาจจากพันตำรวจเอกประสงค์และนายบุญจิตต์ให้ฟ้องคดีนี้ โจทก์จำเลยได้ทำลงเกี่ยวกับการจัดแบ่งมรดกไว้ว่า ที่ดินแปลงใดไม่มีผู้สนใจขอซื้อหรือผู้จัดการมรดกเห็นไม่สมควรขายก็ให้แบ่งที่ดินออกเป็น ๖ ส่วนเท่าๆ กัน ตามจำนวนทายาทแล้วให้ผู้มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งจับฉลาก ให้ผู้มีสิทธิรับส่วนแบ่งทุกคนเสียสละเนื้อที่ตามสัดส่วนอันเป็นธรรมเพื่อทำถนนใช้ร่วมกัน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ได้รับที่ดินที่อยู่ด้านหลัง ถนนที่จะตัดต้องมีความกว้างไม่เกิน ๘ เมตร ผู้จัดการมรดกของนายกวีได้จัดแบ่งที่ดินโฉนดที่ ๑๒๓๙ ของกองมรดกเป็น ๖ โฉนด ทายาท ๖ คนจับฉลากได้ที่ดินตามส่วนที่แบ่งกันแล้ว จำเลยได้ที่ดินโฉนดที่ ๑๓๕๔๓ ทายาททุกคนจะต้องสละที่ดินผ่านริมที่ดินของแต่ละคนกว้างข้างละ ๖ เมตร รวม ๑๒ เมตร ยาวตลอดที่ดินของตนตามแผนที่ท้ายฟ้อง ทายาทอื่นยอมสละตามที่ตกลงกันไว้แต่จำเลยไม่ยินยอม ทำให้ผู้จัดการมรดกและทายาทอื่นเสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยสละที่ดินตามโฉนดที่ ๑๓๕๔๓ ด้านตะวันออกริมที่ดินกว้าง ๖ เมตร ยาวประมาณ ๑๐๐ เมตร ทำเป็นเนินส่วนรวมของทายาท
จำเลยให้การว่า พันตำรวจเอกประสงค์และนายบุญจิตต์ ต้องจัดการมรดกด้วยตนเอง จะมอบอำนาจให้โจทก์ที่ ๒ ฟ้องจำเลยไม่ได้ และปฏิเสธว่าจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องสละที่ดินของจำเลยในการทำถนนตามที่โจทก์ฟ้อง แผนที่ท้ายฟ้องไม่ถูกต้องตามที่ทายาทตกลงกัน ตามข้อตกลงการแบ่งที่ดินทำถนนให้ถือความกว้างของที่ดินด้านหลังออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน แล้วถือจุดกึ่งกลางด้านหลังนี้เป็นแนวริมถนนตัดเป็นเส้นตรงไปหาหลักเขตด้านตะวันออก การทำถนนเช่นนี้จะผ่านที่ดินของจำเลยบ้าง จำเลยไม่ขัดข้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อตกลงเพิ่มเติมในการทำถนนตามเอกสารหมาย ล.๑ จำเลยไม่จำเป็นต้องสละที่ดินดังที่โจทก์ฟ้อง ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยมอบที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๓๕๔๓ ของจำเลยตลอดแนวความยาวที่ดินติดกับเส้นสีเขียวในแผนที่กลาง มีความกว้างจากเส้นสีเขียวในแผนที่กลาง ๔ เมตร เพื่อจัดทำเป็นถนนรวม ให้ทายาทของนายกวีใช้ร่วมกันออกสู่ถนนใหญ่คำขออื่นของโจทก์ให้ยก
โจทก์ทั้งสองและจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าพันตำรวจเอกประสงค์และนายบุญจิตต์ซึ่งเป็นผูจัดการมรดกจะมอบอำนาจให้นายเสิมฟ้องคดีนี้ไม่ได้เพราะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๓ นั้น เห็นว่าตามข้อเท็จจริงจากคำฟ้องและคำให้การ โจทก์จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันได้จัดแบ่งที่ดินมรดกทางโฉนดเดิมและได้ตกลงให้มีการทำถนนเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินทางด้านในมีทางออกไปสู่ถนนได้กับตกลงกำหนดแนวเขตที่จะทำถนนไว้แล้ว โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง โดยไม่ยินยอมสละที่ดินให้ทำถนนดังกล่าว อันเป็นการกรณีฟ้องให้สละที่ดินทำถนนเพื่อทายาทอื่นใช้ร่วมกันตามข้อตกลงแบ่งมรดก ตามที่พันตำรวจเอกประสงค์ นายบุญจิตต์ และนายเสิม ผู้จัดการมรดกเห็นพ้องต้องกัน ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกร่วมกันนั่นเอง ผู้จัดการมรดกทั้งสามหาได้ตั้งตัวแทนให้จัดการมรดกรายนี้โดยไม่มีอำนาจอันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒๓ ดังที่จำเลยฎีกาไม่
วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีข้อผูกพันว่าจะต้องสละที่ดินทำถนน
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ยกฟ้องโจทก์

Share