คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เรื่องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 46 ในคดีอาญาพนักงานอัยการบรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบุกรุกที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันสร้างบ้านพักอาศัยเป็นบ้านชั้นเดียว ตัวบ้านทิศตะวันตกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ด้านหลังบ้านมีสุขา และเล้าไก่ อยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพข้อหาบุกรุก ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่า บ้าน สุขา และเล้าไก่ของจำเลยทั้งสองปลูกสร้างบนที่ดินของโจทก์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิพากษาคดีส่วนแพ่งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทตามแผนที่พิพาทที่ทำไว้ในคดีอาญา ในการปฎิบัติตามคำพิพากษาศาลุอทธรณ์ภาค 5 ที่จำเลยทั้งสองต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจึงต้องถือตามแนวที่ปรากฏในแผนที่พิพาทดังกล่าว เพราะหากถือตามแนวที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดบ้านของจำเลยทั้งสองก็จะอยู่นอกแนวและไม่ถูกบังคับคดีซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ในคดีอาญา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟัองขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาและชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ คดีส่วนอาญา โจทก์ในคดีนี้เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 15 ตารางวา และฐานทำให้เสีทรัพย์โดยตัดฟันต้นลำไยและทำลายรั้วคอนกรีตของโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพความผิดฐานบุกรุก ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองและคดีถึงที่สุด ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที 1897/2546 ส่วนคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทตามแผนที่พิพาทที่โจทก์และจำเลยทั้งสองร่วมกันนำรังวัดทำแผนที่วิวาทไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1897/2546 ของศาลชั้นต้นและคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการบังคับคดีโดยแจ้งว่าจำเลยทั้งสองต้องรื้อถอนบ้านของจำเลยทั้งสองออกไปด้วย ซึ่งบ้านดังกล่าวอยู่นอกเขตที่ดินพิพาท ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 อธิบายคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากเขตที่ดินโจทก์นำชี้ คือ สเส้นสีชมพู หรือเขตที่ดินตามที่เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดได้ คือ เส้นสีน้ำเงิน
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 1897/2546 ซึ่งในคดีอาญาดังกล่าว จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพว่าได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ร่วมตามแผนที่พิพาทที่เจ้าพนักงานที่ดินทำขึ้น ลงวันที่ 24 มากราคม 2545 ส่วนคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 มีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาทตามแผนที่พิพาทที่โจทก์และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำรังวัด ทำแผนที่พิพาทไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1897/2546 ดังนั้น จำเลยทั้งสองจึงต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปโดยถือเอาตามแผนที่พิพาทดังกล่าว ซึ่งต้องถือเอาตามเขตที่ดินเส้นสีชมพู
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 อธิบายคำพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองต้องรื้อถอนและขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทในเขตเส้นสีชมพูตามแผนที่พิพาทถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ หากถือแนวเส้นสีชมพูในแผนที่พิพาทจำเลยทั้งสองจะต้องถูกบังคับคดีให้รื้อถอนบ้านออกไปด้วย แต่หากถือแนวเส้นสีน้ำเงินจำเลยทั้งสองก็ไม่ถูกบังคับคดีให้ต้องรื้อถอนบ้านออกไป เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ในคดีอาญาพนักงานอัยการบรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบุกรุกที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันสร้างบ้านพักอาศัยเป็นบ้านชั้นเดียวกว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 12.69 เมตร ตัวบ้านด้านทิศตะวันตกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ด้านหลังบ้านมีสุขากว้างประมาณ 3.69 เมตร ยาวประมาณ 3.69 เมตร และเล้าไก่กว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 2 เมตร อยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพข้อหาบุกรุก ข้อเท็จริงจึงต้องฟังว่า บ้าน สุขา และเล้าไก่ของจำเลยทั้งสองปลูกสร้างบนที่ดินของโจทก์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้พิพากษาคดีส่วนแพ่งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาทตามแผนที่พิพาทที่ทำไว้ในคดีอาญา ในการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จำเลยทั้งสองต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจึงต้องถือตามแนวเส้นสีชมพูในแผนที่พิพาท เพราะหากถือตามแนวเส้นสีน้ำเงินบ้านของจำเลยทั้งสองก็จะอยู่นอกแนวและไม่ถูกบังคับคดีซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ในคดีอาญา และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 คำอธิบายคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share