คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ครอบครองที่ดินมือเปล่าโดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน ต่อมาทางการจัดสรรที่ดินนั้นให้จำเลย แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้จัดให้จำเลยเข้าครอบครอง จำเลยจึงยังไม่ได้สิทธิครอบครอง. โจทก์ครอบครองอยู่ก่อนจึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย.
คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงไว้. ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเองได้. (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2511).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ 10 ปีมานี้ โจทก์ได้เข้าบุกเบิกที่ดินรกร้างว่างเปล่าแล้วครอบครองมา บัดนี้จำเลยได้แย่งการครอบครองที่นี้จากโจทก์ ขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครอง ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 ได้มาโดยทางการจัดสรรให้เข้าทำกินเมื่อ 6 ปีมาแล้ว จำเลยได้ครอบครองตลอดมา โจทก์เพิ่งเข้าแย่งทำปีนี้ ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ได้สละการครอบครองที่พิพาทแล้ว จำเลยได้รับที่นี้โดยทางการจัดสรรให้ โจทก์จะอ้างสิทธิครอบครองต่อสู้ไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริง วินิจฉัยแต่ข้อกฎหมายแล้วพิพากษายืน โจทก์ฎีกาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้ ศาลฎีกาชอบที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงเองได้ แล้วฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อนที่ทางการจะจัดสรร และเป็นคดีระหว่างราษฎรด้วยกัน แล้ววินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า แม้จำเลยจะได้รับที่พิพาทโดยการจัดสรร แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้จัดให้จำเลยเข้าครอบครอง จำเลยจึงยังไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์ครอบครองอยู่ก่อนย่อมมีสิทธิดีกว่า พิพากษากลับ.

Share