คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้โฆษณาด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อชุมนุมชนซึ่งมาประชุมกันว่า ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนอกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดี ครั้นได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น และได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าทนายความจังหวัดร้อยเอ็ดมีอยู่ในวันที่จำเลยกล่าวข้อความนี้เพียง 10 คนและในขณะที่จำเลยกล่าว จำเลยได้เห็นโจทก์ซึ่งเป็นทนายความคนหนึ่งประกอบอาชีพว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าประชุมอยู่ด้วย กับยืนยันมาในฟ้องว่า การที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นก็โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และบรรดาผู้ประกอบอาชีพทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหาย ดังนี้เป็นฟ้องที่ควรให้มีการไต่สวนมูลฟ้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2505)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้โฆษณาด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อชุมนุมชนซึ่งมาประชุมกันโดยกล่าวว่า ทนายความเมืองร้อยเอ็ดคบไม่ได้ เป็นนอกสองหัว เหยียบเรือสองแคม เป็นมวยล้ม ว่าความทีแรกดี ครั้นได้รับเงินแล้วก็ว่าเป็นอย่างอื่น จำเลยกล่าวโดยเห็นโจทก์ซึ่งจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นทนายความคนหนึ่งได้เข้าประชุมด้วย คำว่า ทนายความเมืองร้อยเอ็ดหมายความว่า ผู้มีอาชีพทนายความว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมีเพียง ๑๐ คน (ระบุชื่อทนายความทั้ง ๑๐ คน รวมทั้งตัวโจทก์ด้วย) ซี่งจำเลยและหมู่ประชาชนรู้ดีว่า คำว่า ทนายความเมืองร้อยเอ็ดนั้น หมายถึง โจทก์และทนายที่กล่าวชื่อมาแล้วเท่านั้น คำกล่าวของจำเลยเป็นการใส่ความโจทก์ และทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘
ศาลชั้นต้นสั่งในคำฟ้องว่า ตามคำบรรยายฟ้องไม่ปรากฏโดยชัดแจ้งว่าจำเลยหมายถึงตัวโจทก์ เป็นแต่จำเลยกล่าวมาลอย ๆ ยังไม่พอถือว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายวิธีพิจารณษความอาญา มาตรา ๒ (๔) จึงไม่ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์นายหนึ่งทำความเห็นแย้ง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า โจทก์ได้กล่าวในฟ้องด้วยว่าทนายความจังหวัดร้อยเอ็ดมีอยู่ในวันที่จำเลยกล่าวข้อความนี้เพียง ๑๐ คนและในขณะที่จำเลยกล่าว จำเลยได้เห็นโจทก์ซึ่งเป็นทนายความคนหนึ่งประกอบอาชีพว่าความอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าประชุมอยู่ด้วย กับยืนยันมาในฟ้องว่า การที่จำเลยกล่าวเช่นนั้นก็โดยมีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์และบรรดาผู้ประกอบอาชีพทนายความในจังหวัดร้อยเอ็ดทุกคนให้ได้รับความเสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องมีอยู่ดังนี้ จึงควรที่จะดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ต่อไปก่อน ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้อง แล้วพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share