แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยทั้งสามไม่คัดค้าน ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,359 เป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) แต่สำหรับข้อหาลักทรัพย์และบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,365 มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้แล้วจึงถอนฟ้องไม่ได้ โจทก์กับจำเลยที่ 1 ต่างนำสืบโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทกันอยู่ ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ความชัดว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่ มูลกรณีจึงเป็นเรื่องคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญา การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามที่โจทก์นำสืบหาว่า ร่วมกันเข้าไปในที่ดินพิพาทแล้วตักเอาดินและต้นไม้ไปจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกและลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 91, 334, 335(1)(7)(12), 358, 359(4), 362,363, 365(2)(3)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(12) วรรคสาม, 358,359(4), 362, 365(2)(3) ให้เรียงกระทงลงโทษตามมาตรา 91ฐานลักทรัพย์จำคุกคนละ 2 ปี ฐานทำให้เสียทรัพย์จำคุกคนละ 3 เดือนและฐานบุกรุกจำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี 3 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จำเลยทั้งสามไม่คัดค้าน ศาลฎีกาเห็นว่าเฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358,359 เป็นคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว โจทก์จะถอนฟ้องในเวลาใดก่อนคดีถึงที่สุดก็ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2) ให้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาดังกล่าวจากสารบบความแต่สำหรับข้อหาลักทรัพย์และบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,365 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัวและศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้แล้วจึงถอนฟ้องไม่ได้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องทั้งสองข้อหาดังกล่าว ให้ยกคำร้องของ โจทก์ในส่วนนี้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีเป็นเรื่องที่โจทก์และจำเลยที่ 1ต่างนำสืบโต้แย้งแย่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทกันอยู่ ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังฟังไม่ได้ความชัดว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงหรือไม่มูลกรณีจึงเป็นเรื่องคดีแพ่งไม่ใช่คดีอาญาการกระทำของจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 ตามที่โจทก์นำสืบหาว่า ร่วมกันเข้าไปในที่ดินพิพาทแล้วตักเอาดินและต้นไม้ไปจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกและลักทรัพย์จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตามข้อหาความผิดดังกล่าวไม่ได้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้วคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์