คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรส จึงนับว่าเป็นผัวเมียกันไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อมารดาของหญิงได้ออกเงินจำนวนหนึ่งให้หญิงไปซื้อนาไว้แปลงหนึ่งใส่ชื่อหญิงนั้นในโฉนดแต่ผู้เดียว ส่วนชายมิได้ออกเงินทองลงทุนเข้าหุ้นด้วย ดังนี้ต้องถือว่าที่นานั้นเป็นทรัพย์ส่วนตัวของหญิง เมื่อหญิงตายลง จึงตกเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของหญิงนั้น

ย่อยาว

นายเอี้ยงโจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับนางแฉล้มบุตรจำเลยได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรสเกิดบุตรด้วยกัน ๓ คน ระหว่างอยู่กินด้วยกันได้ซื้อที่ดินโฉนดที่ ๓๔๒๒ จากนายช้อยราคา ๑๒๐๐ บาท บัดนี้นายแฉล้มตาย โจทก์ควรมีสิทธิในที่ดินแปลงนี้ครึ่งหนึ่ง แต่จำเลยจะเอาเสียหมด โจทก์จึงฟ้องขอแบ่ง จำเลยปฏิเสธ
คู่ความรับกันว่า จำเลยได้ให้เงินนางแฉล้ม ๑๒๐๐ บาท ซื้อที่รายพิพาทลงชื่อนางแฉล้มในโฉนดแต่ผู้เดียว ต่อมา ๗-๘ ปีนางแฉล้มก็ตาย มีบุตรด้วยกัน ๓ คน โจทก์ไม่ได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตร
คู่ความต่างไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิในที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของจำเลย ด.ช.ฉลอง ด.ญ.บุญล้ำ ด.ช.สมบัติคนละส่วนเท่า ๆ กัน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ออกเงิน ๑๒๐๐ บาทให้นางแฉล้มไปซื้อนาพิพาทใส่ชื่อนางแฉล้มเป็นเจ้าของโจทก์มิได้ออกเงินทองลงทุนเข้าหุ้นด้วย แม้จะอยู่ด้วยกันอย่างผัวเมียแต่ก็มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย จึงนับว่าเป็นผัวเมียกันไม่ได้ที่ดินรายพิพาทจึงเป็นทรัพย์ส่วนตัวของนางแฉล้ม เมื่อนางแฉล้มตายลง ทรัพย์รายนี้ก็เป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของนางแฉล้ม ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

Share