แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ค. ทำสัญญาประกันตัวจำเลยต่อศาล โดย ว. รับรองหลักทรัพย์ของ ค. ว่าถ้า ค. ไม่สามารถชำระค่าปรับได้ครบถ้วน ขาดอยู่เท่าใด ว. ยินยอมใช้ให้จนครบ ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่ได้เงินที่จะนำมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใด ก็ยังไม่มีทางรู้ได้ว่ายังขาดแน่นอนเท่าใดเมื่อ ค. ผิดสัญญาประกัน ถูกยึดทรัพย์และขายทอดตลาดทรัพย์ไปบางส่วนแล้วได้เงินน้อยกว่าค่าปรับมากแม้จะคาดหมายได้จากทรัพย์ที่ถูกยึดมาว่าเมื่อนำออกขายทอดตลาดจะได้เงินไม่เพียงพอชำระค่าปรับก็เป็นเพียงคาดคะเนเท่านั้น เมื่อการบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายประกันยังไม่เสร็จ ศาลก็จะสั่งให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของ ว. ผู้รับรองหลักทรัพย์ไว้ชั่วคราวก่อนหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกคนละ ๒ ปี จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ ๑ และนายคำรณดำรงชีพ ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว โดยนายคำรณเป็นผู้ประกันและแสดงหลักทรัพย์ โดยมีสิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉายเป็นผู้รับรองหลักทรัพย์ต่อมานายคำรณ ดำรงชีพผิดสัญญาประกันเนื่องจากไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ ๑ ไปส่งศาลได้ตามนัด เพราะจำเลยที่ ๑ หลบหนี ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายคำรณ ดำรงชีพ ตามสัญญาประกันเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ครบกำหนดชำระตามคำบังคับแล้ว นายคำรณไม่ชำระ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีให้ยึดทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของนายคำรณประกาศขายทอดตลาด และขายไปได้ ๒ แปลงในราคาแปลงละ ๓,๙๐๐ บาทที่เหลืออีก ๔ แปลงปรากฏว่าไม่มีผู้ซื้อ ศาลชั้นต้นเห็นว่าทรัพย์ที่ยึดจากนายคำรณนั้น เมื่อตีราคาแล้วไม่ครบจำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท และมีพฤติการณ์แสดงว่าไม่พอชำระหนี้แก่ศาล จึงมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๑๖ ให้ทำการยึดทรัพย์ของสิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉาย ผู้รับรองหลักทรัพย์ของนายคำรณดำรงชีพ แต่ให้รอการขายทอดตลาดไว้ก่อน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์ของสิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉายตามคำสั่งศาล ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดสิทธิเรียกร้องของสิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉาย ซึ่งมีต่อลูกหนี้ทั้งหมดอีก ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๖ สิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉาย อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาทั้ง ๒ ฉบับนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้อง พนักงานอัยการจังหวัดระยองฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
ในวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว ศาลชั้นต้นเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่เป็นที่เชื่อแน่ได้ว่าทรัพย์ที่ยึดได้จากนายคำรณ ดำรงชีพไม่พอชำระค่าปรับ ๕๐,๐๐๐ บาท และไม่ปรากฏว่านายคำรณยังมีทรัพย์สินอยู่อีก กับเห็นว่าตามพฤติการณ์มีเหตุผลอันสมควรเชื่อว่าหากศาลไม่ยึดทรัพย์ของสิบตำรวจเอกวิชัยไว้ชั่วคราวแล้วสิบตำรวจเอกวิชัยจะทำการโอน ขาย หรือจำหน่ายทรัพย์สินของตนไปเสียให้พ้นอำนาจศาล ศาลไม่อาจจะบังคับเอาแก่สิบตำรวจเอกวิชัยได้จึงให้ทำการยึดทรัพย์ และอายัดสิทธิเรียกร้องของสิบตำรวจเอกวิชัยไว้ทั้งหมด ดังที่ได้มีคำสั่งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๑๖ และวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๑๖ โดยเป็นการยึดและอายัดไว้ชั่วคราวก่อนที่ศาลจะสั่งให้สิบตำรวจเอกวิชัยชำระหนี้แทนนายคำรณดำรงชีพ นายประกันต่อไป
สิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉาย ผู้รับรองหลักทรัพย์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกของสิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉาย ผู้รับรองหลักทรัพย์ไว้ชั่วคราวนั้นเสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สิบตำรวจเอกวิชัย เงาฉาย ผู้รับรองหลักทรัพย์ของนายคำรณ ดำรงชีพ ได้รับรองไว้ว่า ถ้านายคำรณไม่สามารถชำระค่าปรับได้ครบถ้วน ขาดอยู่เท่าใด สิบตำรวจเอกวิชัยยินยอมใช้ให้จนครบดังนั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้เงินที่จะนำมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใด ก็ยังไม่มีทางรู้ได้ว่าจำนวนเงินที่ขาดแน่นอนเท่าใดแม้จะเป็นที่คาดหมายได้จากทรัพย์สินที่ถูกยึดมาว่า เมื่อนำออกขายทอดตลาดจะได้เงินไม่เพียงพอชำระค่าปรับก็เป็นเพียงคาดคะเนเท่านั้น การที่ศาลด่วนไปมีคำสั่งยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องของสิบตำรวจเอกวิชัยเงาฉาย ผู้รับรองหลักทรัพย์เสียก่อนทั้งที่ยังบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายประกันยังไม่เสร็จ จึงเป็นการมิชอบ ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นคิดคำนวณทรัพย์ที่ถูกยึดในราคาปานกลางแล้ว ก็คงขาดจำนวน จำนวนที่ขาดคิดได้แน่นอนที่สิบตำรวจเอกวิชัยจะต้องรับผิดชำระ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจยึดทรัพย์และอายัดสิทธิเรียกร้องไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายืน