คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดามารดาซึ่งเป็นผู้ปกครองเด็กทำหนังสือสัญญาให้ผู้อื่นเช่านาของเด็ก มีกำหนดเวลากว่า 3 ปี การเช่านั้นย่อมสมบูรณ์ที่จะฟ้องร้องบังคับกันได้เพียง 3 ปี แม้การทำสัญญานั้น ไม่ได้รับอนุญาตจากศาล สัญญานั้นก็ย่อมผูกพันเด็ก
โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ส่งทรัพย์ที่เช่าหรือคืนค่าเช่าล่วงหน้าและเรียกค่าเสียหาย แต่มายื่นฟ้องเมื่อจวนครบสิ้นสัญญาเช่า ศาลย่อมไม่บังคับให้ส่งทรัพย์ที่เช่า คงให้คืนค่าเช่าล่วงหน้ากับใช้ค่าเสียหาย

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยที่ ๑ – ๒ ในฐานะเป็นบิดามารดา และผู้ปกครองเด็กชายปรุง เด็กหญิงปลิว ได้ทำหนังสือสัญญาให้โจทก์เป็นผู้เช่านาของเด็กชายปรุงเด็กหญิงปลิวแทนเด็ก คิดค่าเช่าปีละ ๑๒๕ บาท มีกำหนดเวลาเช่า ๕ ปี โดยมิได้รับอนุญาติจากศาล โจทก์ได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าให้แก่จำเลยที่ ๑ – ๒ ไปครบทั้ง ๕ ปี เมื่อทำสัญญาเช่าแล้ว โจทก์เข้าทำนาไม่ได้เพราะจำเลยที่ ๓ เข้าทำนารายนี้อยู่ต่างดอกเบี้ยเงินกู้ที่จำเลยที่ ๑ – ๒ เป็นผู้กู้ไป
โจทก์จึงขอให้จำเลยจัดการให้โจทก์เข้าทำนาตามสัญญา หรืออย่างน้อยให้ได้ทำ ๓ ปี กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย หากมีเหตุสุดวิสัยที่จะบังคับ ก็ขอให้จำเลยที่ ๑ – ๒ คืนค่าเช่าทั้งหมดกับใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นตัดสินว่า สัญญาเช่าเกิน ๓ ปี จำเลยที่ ๑ – ๒ มิได้รับอนุญาตจากศาลตามมาตรา ๑๕๔๖ จึงเป็นโมฆะ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า วัตถุประสงค์ตามนิติกรรมของโจทก์จำเลยนี้ คือการเช่านา ซึ่งหาใช่เป็นการอันมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายไม่ ผู้ใช้อำนาจปกครองจะให้เช่านาก็ได้ เว้นแต่ให้เช่าเกิน ๓ ปีไม่ได้ การเช่านารายนี้ได้แยกไว้เป็น ปี ๆ สมควรจะยกมาตรา ๕๓๘ มาปรับกับคดีนี้ โดยแยกว่าเป็นสัญญาเช่าอันสมบูรณ์เพียง ๓ ปี แต่นับแต่จำเลยที่ ๑ – ๒ ทำสัญญาให้โจทก์เช่านามาจนบัดนี้ เกือบครบ ๓ ปีแล้ว จึงควรพิจารณาคำขอของโจทก์ในข้อที่ขอคืนค่าเช่าและค่าเสียหาย จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์บังคับให้จำเลยที่ ๑ – ๒ในฐานะผู้ปกครองเด็กคืนเงินค่าเช่า ๖๒๕ บาท และค่าเสียหาย ๑๐๐ บาทแก่โจทก์

Share