แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท ก. โจทก์ให้จำเลยเช่าโรงงานแล้วต้องถือว่าบริษัท ก. เลิกประกอบกิจการโรงงานในวันที่ให้เช่าตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 31 วรรคหนึ่ง และในวันเดียวกันนั้นใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานของบริษัท ก. ก็เป็นอันสิ้นอายุลงตามมาตรา 16 ดังนั้น เมื่อการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานต้องกระทำโดยผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและต้องทำการก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาเช่าข้อ 8 ที่กำหนดให้จำเลยดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการในนามบริษัท ก. ได้ เพราะขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว สัญญาเช่าข้อ 8 จึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายย่อมเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ทำให้สัญญาเช่าเฉพาะข้อ 8 ตกเป็นโมฆะทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 จำเลยจึงไม่ผิดสัญญาที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2531 โจทก์ให้จำเลยที่ 1 เช่าทรัพย์สินของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 56,000,000 บาท หลังจากทำสัญญาแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามสัญญาในข้อ 7 และข้อ 8 คือ ไม่ดำเนินการประกอบรถยนต์ในรุ่นต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดอย่างน้อยรุ่นละ 1 คัน และไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและใบอนุญาตประกอบรถยนต์นั่งประจำปี 2532 และ 2533 ในนามของบริษัทกรรณสูตเจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด จำเลยที่ 1 จึงผิดสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน50,000,000 บาท แก่โจทก์ โจทก์มีหนังสือทวงถามแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 50,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2533 จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 15,154,109.59 บาท และนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้ผิดสัญญาเพราะจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและใบอนุญาตประกอบรถยนต์นั่งในนามบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด แล้ว แต่ไม่สามารถกระทำได้ เพราะตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 31 กำหนดว่า หากมีการให้เช่าโรงงานให้ถือว่า ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานเลิกประกอบกิจการโรงงานตั้งแต่วันที่ให้เช่า ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์แต่จำเลยที่ 1ไม่ผิดสัญญาและสัญญาเช่า สัญญาข้อ 7 ไม่มีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเสียหายจำนวน 50,000,000 บาท แก่โจทก์ ส่วนสัญญาข้อ 8 จำเลยที่ 1 ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะข้อสัญญาขัดต่อพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 31 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า บริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลีจำกัด เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและเป็นเจ้าของที่ดินอาคารโรงงานและเครื่องจักรซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ ก – 27 – 36 การนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2530 บริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามหมายแจ้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเอกสารหมาย จ.1 อำนาจในการจัดการทรัพย์สินจึงอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ต่อมาวันที่ 18พฤศจิกายน 2531 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลีจำกัด ให้จำเลยที่ 1 เช่าทรัพย์สินของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด ดังกล่าวตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.5 จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการชำระค่าเช่าและค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามสัญญาเช่าต่อโจทก์ ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.8 สัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8 กำหนดให้จำเลยที่ 1 ดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและใบอนุญาตประกอบรถยนต์นั่งในนามของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด แต่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา มีปัญหาข้อกฎหมายวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการเดียวว่า จำเลยที่ 1ผิดสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8 และจำเลยทั้งสองต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่เห็นว่า เมื่อโจทก์ให้จำเลยที่ 1 เช่าโรงงานต้องถือว่าบริษัทกรรณสูต เจเนอรัลแอสเซมบลี จำกัด เลิกประกอบกิจการโรงงานในวันที่ให้เช่าคือวันที่ 18 พฤศจิกายน 2531 ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 31 วรรคหนึ่ง ซึ่งใช้บังคับในขณะนั้นและในวันเดียวกันนั้นใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัลแอสเซมบลี จำกัด ก็เป็นอันสิ้นอายุลงตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 16การต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานต้องกระทำโดยผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานและต้องทำการก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ ตามพระราชบัญญัติโรงงานพ.ศ. 2512 มาตรา 17 วรรคหนึ่ง แต่สัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8 กำหนดให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการขอต่อใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานในนามของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานของบริษัทกรรณสูต เจเนอรัล แอสเซมบลี จำกัด สิ้นอายุลงแล้วในวันทำสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.5 จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาเช่าดังกล่าวได้ เพราะขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ข้อสัญญาเช่าตามเอกสารหมาย จ.5 ข้อ 8 จึงมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ทำให้สัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.5 เฉพาะข้อ 8 ตกเป็นโมฆะทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 จำเลยที่ 1 จึงไม่ผิดสัญญาจำเลยทั้งสองไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน