คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2899/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินให้ผู้อื่น โจทก์มิได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงิน อันเป็นการแสดงว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังไม่คิดจะฟ้องคดีให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จึงยังไม่เกิดขึ้นและในกรณีเช่นนี้แม้จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ ก็หาทำให้ผลการกระทำของจำเลยอันไม่เป็นความผิดเปลี่ยนแปลงไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59, 350

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 จำคุก 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 11819 ต่อมาวันที่ 27 ธันวาคม2536 จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดดังกล่าวให้นางสาวสมพรวงศ์โชติ

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยก่อนในปัญหาที่ว่าขณะจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นนั้น โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้แล้วหรือไม่ โจทก์เป็นพยานเบิกความว่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญากู้แล้ว จำเลยไม่นำเงินมาชำระ โจทก์ทวงถามด้วยวาจาให้จำเลยชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งบอกว่า หากไม่ชำระจะฟ้องต่อศาล แต่จำเลยเพิกเฉย ต่อมาจำเลยก็โอนขายที่ดินดังกล่าวตามที่รับฟังข้อเท็จจริงได้ในเบื้องต้น แต่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ทวงถามเงินกู้ทางโทรศัพท์จากจำเลย แต่จำไม่ได้ว่าทวงถามในช่วงวันเวลาใด จึงเป็นอันไม่แน่นอนว่าโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินดังกล่าว นายจำรัส ปอพิมายพยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาจำเลยไม่ชำระโจทก์ทวงถามด้วยวาจาให้จำเลยชำระและให้นายจำรัสทวงถามแต่จำเลยไม่ชำระก็ไม่ชัดเจนว่าได้ทวงถามเมื่อใดและก่อนที่จำเลยจะจดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวหรือไม่ หากแต่ได้ความต่อมาว่านายจำรัสได้ทำหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์แล้วให้โจทก์ลงลายมือชื่อส่งไปให้จำเลยตามหนังสือเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งลงวันที่ 30สิงหาคม 2537 อันเป็นเวลาภายหลังจากที่จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินไปแล้ว ประมาณ 8 เดือน นอกจากนี้ แม้ต่อมานายจำรัสจะมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเอกสารหมาย จ.3 ก็ตาม ตามหนังสือนี้ลงวันที่ 9 กันยายน 2539 ซึ่งภายหลังจากหนังสือตามเอกสารหมาย ล.1เป็นเวลาเกือบ 1 ปี ทั้งโจทก์เพิ่งฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งเมื่อวันที่ 27กรกฎาคม 2541 นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2536 อันเป็นวันครบกำหนดชำระเงินจนถึงวันฟ้องคดีแพ่งเป็นเวลาประมาณ 4 ปี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวนี้ ประกอบคำเบิกความของโจทก์และนายจำรัสที่กล่าวมาข้างต้นข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าก่อนที่จำเลยจะโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นนั้น โจทก์มิได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงินแต่อย่างใดอันเป็นการแสดงว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ยังไม่คิดจะฟ้องคดีให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้ชำระหนี้ความผิดตามฟ้องจึงยังไม่เกิดขึ้น และในกรณีเช่นนี้แม้จะฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ก็ตาม หาทำให้ผลการกระทำของจำเลยอันไม่เป็นความผิดเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องจำเลยกู้เงินจากโจทก์หรือไม่

พิพากษายืน

Share