แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หลังจากหนี้ขาดอายุความแล้ว ลูกหนี้ได้ทำบันทึกยอมผ่อนชำระหนี้ให้เจ้าหนี้อันเป็นการรับสภาพความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 ลูกหนี้จึงต้องรับผิดในหนี้นั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้ภาษีอากรจำนวน ๒๔๖,๘๑๔.๖๐ บาท ต่อโจทก์และจำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือยอมใช้หนี้ต่อโจทก์โดยรับว่าค้างชำระหนี้เงินภาษีจำนวนดังกล่าวจริงและขอผ่อนชำระ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ได้เข้าเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ดังกล่าวทั้งหมดของจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ที่ ๒ จำเลยที่ ๔ ค้ำประกันหนี้ดังกล่าวในวงเงินไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ที่ ๑ ชำระหนี้เพียงงวดเดียวแล้วผิดนัดชำระหนี้ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันและแทนกันชำระเงิน ๒๔๖,๐๑๔.๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยที่ ๔ ชำระเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การทำนองเดียวกันว่า การที่จำเลยที่ ๑ ทำหนังสือยอมใช้หนี้ให้โจทก์โดยยอมรับว่าค้างชำระหนี้ภาษีอากรจำนวน ๒๔๖,๘๑๔.๖๐ บาทนั้น เป็นการรับสภาพหนี้ที่ขาดอายุความแล้วและถูกบังคับจากเจ้าหน้าที่ หนังสือดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ หนี้ภาษีอากรจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๔๖,๐๑๔.๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้จำเลยที่ ๔ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินจำนวนนี้ให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ทำบันทึกยอมผ่อนชำระหนี้โดยสมัครใจแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยที่ ๑ ได้ทำบันทึกยอมผ่อนชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๑๕ แม้ภายหลังจากหนี้ขาดอายุความแล้ว ก็เป็นการรับสภาพความรับผิดตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๘๘ ซึ่งจำเลยที่ ๑จะปัดความรับผิดหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยที่ ๑ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ชอบแล้ว
พิพากษายืน