แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาว่า จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 มาใช้บังคับ และเลิกสัญญาเสียโดยมิพักต้องบอกกล่าวนั้น ต้องยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ปัญหาว่า การที่โจทก์ไม่ยอมวางเงินมัดจำหรือไม่ยอมทำสัญญาจะซื้อขายตามที่จำเลยร้องขอจะมีอายุความบังคับให้จำเลยโอนขายนานเท่าใดก็ต้องเป็นประเด็นที่ได้พิพาทกันมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนขายที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยสู้ว่า โจทก์ไม่ยอมวางมัดจำและกล่าวว่าไม่เต็มใจซื้อ เป็นการเลิกสัญญาแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ยอมวางเงินมัดจำหรือทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท ควรจะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๘ มาปรับ และเลิกสัญญาได้โดยมิพักต้องบอกกล่าวนั้น ปัญหาข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่รับวินิจฉัยให้
ที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์ไม่ยอมวางเงินมัดจำหรือไม่ยอมทำสัญญาจะซื้อขายตามธรรมเนียมที่จำเลยร้องขอ มีอายุความจะบังคับให้จำเลยโอนขายนานเท่าใด ก็ไม่เป็นประเด็นพิพาทในคดีนี้ จึงไม่วินิจฉัยให้เช่นเดียวกัน
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่ควรรับฟังคำพยานซึ่งเบิกความถึงระเบียบภายในของพนักงานที่ดินมาบังคับจำเลยนั้น เห็นว่าเป็นการรับฟังประกอบคำพยานอื่น ๆ ของคู่ความเพื่อฟังข้อเท็จจริงในประเด็น ไม่ใช่ฟังเอาระเบียบปฏิบัตินั้นมาบังคับจำเลย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย