คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่มีประเด็นเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบ ทั้งมีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ให้เช่ากับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบและค่าเสียหายของ โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวซึ่งจำเลยเช่าจากนายปราโมทย์ คชสุนทร ในอัตราเดือนละ 150 บาทและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องการบอกเลิกการเช่าไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินไปและสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทระหว่างนายปราโมทย์กับจำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนและฟ้องแย้งให้โจทก์จดทะเบียนการเช่าต่อไปอีกตามสัญญา โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าไม่มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างนายปราโมทย์กับจำเลย
ศาลชั้นต้นให้จำเลยนำสืบพยานก่อน และต่อมามีคำสั่งว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการประวิงคดี ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและเมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยยกฟ้องแย้งจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาทและจำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ทั้งคดีไม่มีประเด็นโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ข้ออ้างตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ให้จำเลยเลื่อนคดีไปโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบและอุทธรณ์ให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ยกฟ้องโจทก์อ้างว่ามีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างนายปราโมทย์กับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบ และค่าเสียหายโจทก์ไม่ถึงเดือนละ5,000 บาท เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามนัยแห่งบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share