คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2885/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดายกทรัพย์ให้บุตร ต่อมาบุตรกับมารดาเถียงกันเรื่องเข็มขัดทองเป็นของมารดาหรือของบุตร บุตรแจ้งความต่อตำรวจว่ามารดายักยอกทรัพย์และขอให้อัยการฟ้องมารดาเรียกเข็มขัดทองนั้น มารดาสาบานต่อหน้าพระตามคำท้า มีบุคคลหลายคนเห็นเป็นแต่มารดาสมัครใจสาบานตามคำท้าในศาลเอง ไม่เป็นหมิ่นประมาทมารดาที่จะเพิกถอนการให้
มารดายังมีสวนมะพร้าวและตัดจากขาย มีรถยนต์บรรทุกจากขายไม่ใช่ผู้ยากไร้ที่บุตรจะต้องช่วย

ย่อยาว

ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องที่โจทก์ฟ้องเพิกถอนการให้ทรัพย์แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตรโจทก์ โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาว่าการระทำของจำเลยเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องถอนคืนการให้จากจำเลยได้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียเชื่อเสียงและหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงนั้นสืบเนื่องมาจากการโต้เถียงเรื่องเข็มขัดทองคำ 1 สายว่าเป็นของโจทก์หรือจำเลย และจำเลยไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสมุทรสงครามกล่าวหาว่าโจทก์กับนางสาวประยงค์ยักยอกทรัพย์ (เข็มขัดทองคำดังกล่าว) ของจำเลย และเมื่อไม่เป็นผลดี ไปร้องเรียนต่อนายอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ในข้อหาเดียวกันอีก ซึ่งที่สุดจำเลยได้ขอให้พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสงคราม ฟ้องโจทก์เรียกเข็มขัดทองคำดังกล่าวคืนซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสงครามก็ได้ดำเนินการให้ตามที่จำเลยร้องขอในระหว่างพิจารณา โจทก์จำเลยทำกันให้โจทก์สาบานต่อหลวงพ่อวัดบ้านแหลมว่าเข็มขัดทองคำเป็นของโจทก์ ซึ่งโจทก์ตกลงตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 55/2519 ของศาลชั้นต้น พฤติการณ์ต่าง ๆ ที่จำเลยได้กระทำไปเห็นได้ชัดว่าจำเลยต้องการที่จะได้เข็มขัดทองคำกลับคืนมาเป็นของจำเลย หาได้ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์แต่อย่างใดไม่ จริงอยู่แม้โจทก์จะต้องไปสาบานแล้วในโบสถ์และมีบุคคลอื่น ๆ อยู่ในโบสถ์หลายคนอันทำให้โจทก์อับอายขายหน้า ก็เป็นเรื่องที่โจทก์สมัครใจจะไปสาบานตามคำท้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเท่านั้นไม่ถึงขนาดที่ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์แต่อย่างใด

ในประเด็นที่ว่าจำเลยบอกปัดไม่ให้สิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้นั้น กลับได้ความว่าโจทก์ยังมีสวนมะพร้าวติดถนนใหญ่ประมาณ3 ไร่ ที่ดินป่าจากอีก 1 แปลง และมีรายได้จากการเก็บมะพร้าวและตัดใบจากของโจกท์ และโจทก์ยังลงทุนร่วมกับนางไป๋ สำเภาเงิน บุตรโจทก์อีกคนหนึ่งซื้อรถยนต์บรรทุกราคา 2 แสนบาทเศษ สำหรับใช้บรรทุกจากขายอีกด้วยที่ศาลล่างทั้งสองฟังว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ยากไร้ถึงขนาดที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากจำเลย จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแล้ว”

พิพากษายืน

Share