คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2884/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของนางมงหรือวิมลผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควรแล้วกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายโดยใช้กำลังกอดปล้ำและใช้อาวุธปืนขู่เข็ญ บังคับเพื่อจะกระทำชำเราผู้เสียหายทันที เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ และจำเลยก็ได้กระทำอนาจารผู้เสียหายในทันทีทันใดที่เข้าไป การกระทำของจำเลย เป็นความผิดต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2518 เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยได้มีอาวุธปืนติดตัวบุกรุกเข้าไปในบ้านซึ่งเป็นเคหสถานของนางมลหรือวิมล กลิ่นขจร หรืออ้วนทอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร แล้วจำเลยได้กระทำอนาจารนางมลหรือวิมลโดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำและจำเลยยังได้ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญบังคับเพื่อจะกระทำชำเรานางมล โดยนางมลอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365, 278ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 9

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยกระทำผิดดังฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 ประกอบด้วยมาตรา 365 และมาตรา 278 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2518 (ที่ถูกคือ 2514) ข้อ 9 ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามมาตรา 91 ฐานบุกรุก ให้จำคุก 6 เดือนกระทงหนึ่ง และฐานกระทำอนาจารให้จำคุก 1 ปี 6 เดือนอีกกระทงหนึ่ง รวมจำคุกจำเลย 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าความผิดตามฟ้องเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือเป็นความผิดกรรมเดียว

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าถึงแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องมาชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำผิดฐานบุกรุกฐานหนึ่งและกระทำผิดอนาจารอีกฐานหนึ่ง เพื่อแสดงว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันก็ตาม การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านของนางมลหรือวิมลผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร แล้วจำเลยก็ได้กระทำอนาจารต่อผู้เสียหายโดยใช้กำลังกอดปล้ำและได้ใช้อาวุธปืนขู่เข็ญบังคับเพื่อจะกระทำชำเราผู้เสียหายทันที การกระทำของจำเลยดังกล่าวเห็นได้ว่า มีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ และจำเลยก็ได้กระทำอนาจารผู้เสียหายในทันทีทันใดที่เข้าไป การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียวไม่ขาดตอนทั้งการที่จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายนั้นก็เป็นเหตุหนึ่งที่ส่อแสดงถึงความที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อยู่ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 ประกอบด้วยมาตรา 365 และมาตรา 278ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 กำหนดโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share