คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2882/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระค่าเลี้ยงดูตามหนังสือสัญญาเช่นเดียวกับคดีนี้ แต่ขณะฟ้องโจทก์ยังพักอยู่ในบ้านพิพาท ศาลวินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์ยังพักอยู่ในบ้านพิพาท โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาพิพากษายกฟ้อง ส่วนขณะฟ้องคดีนี้โจทก์อ้างว่าไม่ได้พักอยู่ในบ้านพิพาทแล้วจึงเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างเหตุขึ้นใหม่ แม้โจทก์จำเลยจะเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีเดิมฟ้องโจทก์ก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ขอให้จำเลยชำระค่าเลี้ยงดูเป็นเงิน 13,075 บาทกับให้จำเลยชำระต่อไปเป็นรายเดือนจนตลอดชีวิตของโจทก์เป็นคดีที่จำนวนทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 20,000 บาท และเป็นการฟ้องตามสัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกัน ไม่ใช่คดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงนี้ยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้นจำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาจำเลย โจทก์กับจำเลยได้ตกลงทำสัญญากันโดยจำเลยยอมให้เงินค่าเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพเดือนละ 3,500 บาทแก่โจทก์ทุกเดือนจนตลอดชีวิตโจทก์ และโจทก์ก็ให้คำมั่นว่าจะไม่พักอยู่บ้านตามหนังสือสัญญาซึ่งโจทก์ไม่ได้พักอยู่ในบ้านดังกล่าวแล้ว จำเลยผิดสัญญาไม่ยอมจ่ายค่าเลี้ยงดู ขอให้จำเลยชำระค่าเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพเป็นรายเดือนไปจนตลอดชีวิตโจทก์

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์เป็นรายเดือนจนตลอดชีวิตของโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคดีเดิมโจทก์จำเลยเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีนี้และคดีเดิมโจทก์ขอให้จำเลยชำระค่าเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพตามหนังสือสัญญาเช่นเดียวกับคดีนี้แต่ขณะฟ้องคดีเดิมโจทก์ยังพักอยู่ในบ้านพิพาทและศาลวินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์ยังพักอยู่ในบ้านพิพาท โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง ส่วนขณะฟ้องคดีนี้โจทก์อ้างว่าไม่ได้พักอยู่ในบ้านพิพาทแล้ว จึงเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างเหตุขึ้นใหม่ แม้โจทก์จำเลยจะเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีเดิมฟ้องโจทก์ก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

โจทก์ขอให้จำเลยชำระค่าเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพเป็นเงิน 13,075 บาท แก่โจทก์กับให้จำเลยชำระต่อไปเป็นรายเดือนจนตลอดชีวิตของโจทก์ เป็นคดีที่จำนวนทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 20,000 บาท และการที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูหรือค่าเลี้ยงชีพตามสัญญาซึ่งโจทก์จำเลยทำไว้ต่อกัน ก็เป็นเรื่องที่ขอให้บังคับตามสัญญา ไม่ใช่เป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว คู่ความจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 เมื่อข้อที่จำเลยฎีกาเป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวข้อเท็จจริงนี้จึงยุติไปแล้วตั้งแต่ศาลชั้นต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share