คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จะไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งตัวจำเลยไปให้จิตแพทย์ตรวจและลงความเห็น แต่พฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำของผู้ที่มีจิตบกพร่อง และได้กระทำไปขณะที่จำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือนแม้การที่จำเลยมีจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือนนั้นจะไม่เป็นอยู่ตลอดเวลาจำเลยก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65.(ที่มา-เนติ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 138, 140, 289, 295,358, 360, 371, 80, 91 และริบของกลาง จำเลยรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้องเพราะขณะกระทำผิด จำเลยมีอาการมีนชาประสาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 โดยจำคุกตาม ป.อ. มาตรา 140 วรรคหนึ่ง 1 ปี จำคุกตาม ป.อ. มาตรา289 (2), 80 ไว้ตลอดชีวิตจำคุกตาม ป.อ. มาตรา 295 รวม 2 กรรมกรรมละ 1 ปี รวม 2 ปี จำคุกตาม ป.อ. มาตรา 358 มีกำหนด 1 ปีจำคุกตาม ป.อ. มาตรา 360 มีกำหนด 1 ปี ปรับตาม ป.อ. มาตรา 371เป็นเงิน 100 บาท รับสารภาพลดกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงเหลือจำคุก 28 ปี 8 เดือน ปรับ 50 บาทของกลางริบ จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดตามฟ้อง ตาม ป.อ. มาตรา 65 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ให้ส่งจำเลยไปคุมไว้ ณ สถานพยาบาลตาม ป.อ. มาตรา 48 เพื่อรักษาพยาบาลมีกำหนด 1 ปี เว้นแต่จำเลยจะมีอาการปกติและศาลชั้นต้นมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘แม้ในคดีเรื่องนี้จะไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งตัวจำเลยไปให้จิตแพทย์ทำการตรวจและลงความเห็นอย่างที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่พฤติการณ์ของจำเลยที่ปรากฏจากคำเบิกความของผู้เสียหายทั้ง 4 คน แสดงให้เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำของบุคคลที่มีจิตบกพร่อง กล่าวคือ เมื่อนายพิชัยผู้เสียหายเดินผ่านจำเลยจำเลยก็ใช้มีดฟันโดยไม่มีสาเหตุ นายชัยชนะก็เช่นเดียวกันขณะกำลังคุย เมื่อเพื่อนบอกให้ระวัง พอหันไปดู ก็เห็นจำเลยกำลังเงื้อมีดฟันโดยไม่รู้สาเหตุอีกเช่นกัน เมื่อฟันแล้วจำเลยก็วิ่งเข้าไปในบ้านของนายชัยขนะ ถือมีดดวงไปมา 2-3ที แล้วก็วิ่งออกจากบ้านนายชัยชนะไปฟันคนอื่นอีก นอกจากนั้นยังปรากฏจากคำเบิกความของสิบตำรวจโทมานิตย์ว่า ได้รับแจ้งเหตุทางศูนย์วิทยุผ่านฟ้าว่า มีคนวิกลจริตกำลังไล่ฟันคนอยู่ในซอยทองหล่อ เมื่อไปถึงก็เห็นจำเลยกำลังถือมีดไล่ฟันคนและรถยนต์ที่ผ่านไปมาอยู่ พฤติการณ์ของจำเลยที่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ จึงสอดคล้องกับข้อนำสืบของจำเลยที่ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์ จึงสอดคล้องกับข้อนำสืบของจำเลยที่ว่า ขณะรับราชการทหาร จำเลยเคยถูกกับระเบิดได้รับบาดเจ็บเมื่อพ้นจากราชการทหารแล้ว บางครั้งจำเลยมีอาการผิดไปจากปกติเช่นจำเลยเคยบอกกับนายจำปีพี่ชายจำเลยว่า จะมีคนมาฆ่า แล้วจำเลยก็วิ่งออกจากบ้านไป นายปุ๋ย สินเจริญ เพื่อนบ้านจำเลยก็เบิกความว่าจำเลยเคยไปขอเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของนายปุ๋ยโดยบอกว่ามีคนไล่ฆ่าจำเลย จนพฤติการณ์ของจำเลยเป็นที่รู้กันทั่วไปจึงเห็นว่าการที่จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายและรถยนต์ในวันเกิดเหตุนั้น จำเลยน่าจะได้กระทำไปขณะที่จำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือนถึงแม้การที่จำเลยมีจิตบกพร่องหรือจิตฟั่นเฟือนนั้นจะไม่เป็นอยู่ตลอดเวลาจำเลยก็ไม่ต้องได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่กำหนดระยะเวลาให้ส่งจำเลยไปคุมตัวไว้ในสถานพยาบาล นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share