คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2879/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยช่วยจับมือจับเท้าผู้เสียหายให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเรา ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83 เท่านั้น จะปรับบทว่ามีความผิดตามมาตรา 278, 83 ด้วยหาถูกต้องไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายจรินทร์ คงเขียว นายชำนาญ จันทรสังข์จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1511/2514 ของศาลจังหวัดตรังกับพวกที่หลบหนีอีก 5 คน ร่วมกันใช้อาวุธจี้บังคับและตบตีทำร้ายนางสาวสุพินผู้เยาว์อายุ 15 ปี แล้วฉุดคร่าพรากไปเสียจากนางช้อยผู้ปกครอง โดยนางสาวสุพินไม่เต็มใจไปด้วย และจำเลยกับพวกพาไปเพื่อการอนาจารตามวันเวลาดังกล่าว ขณะที่นายจรินทร์ได้กระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรานางสาวสุพิน จำเลยกับพวกได้ช่วยจับแขนขานางสาวสุพินไว้ในขณะที่นายจรินทร์ข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 278, 284, 318, 83

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยที่ 1 กลับให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 278, 284, 83 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นกระทงหนักให้จำคุกจำเลยที่ 1 4 ปี จำเลยที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 แล้วคงจำคุกจำเลยที่ 2 สี่ปี คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ถือว่าจำนนต่อพยานหลักฐานโจทก์ จึงไม่ลดโทษให้ คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกเสีย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลักฐานพยานโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 มั่นคงมีน้ำหนักเชื่อถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดด้วยแต่ที่ศาลชั้นต้นวางบทลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 ด้วยนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะตามข้อเท็จจริงที่ได้ความไม่ปรากฏว่ามีการกระทำอนาจารอย่างอื่นแก่ผู้เสียหายอีก นอกจากการข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นความผิดตามมาตรา 276 อยู่แล้วจะถือว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 278, 83 ด้วยหาได้ไม่ และกรณีเช่นนี้เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้ตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 284, 83 แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 276, 83 ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามมาตรา 91ส่วนการกำหนดโทษและลดมาตราส่วนโทษ คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share