คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2875/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ใบสำคัญรับรองการตรวจเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ อาชญาบัตรให้ใช้อวนทำการประมงและใบทะเบียนเรือไทยของกรมเจ้าท่าซึ่งมีชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดทำขึ้น โจทก์มิได้นำสืบปฏิเสธความเท็จจริงและถูกต้อง ต้องสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือพร้อมเครื่องยนต์และอวนของกลาง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสี่ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสิบสี่และสั่งริบเรือประมง”โชคอำนาจ” 1 ลำเครื่องยนต์เรือ 1 เครื่อง อวนล้อม 1 ปาก และสัตว์น้ำจำนวน150 กิโลกรัม ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของเรือประมง เครื่องยนต์เรือ และอวนล้อมของกลาง ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดดังกล่าว ขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ของกลาง จำเลยทั้งสิบสี่ร่วมกันครอบครองของกลางย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดคดีนี้ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของเรือพร้อมเครื่องยนต์และอวนของกลางหรือไม่ผู้ร้องมีตัวผู้ร้อง จำเลยที่ 1 และนายสมยศ ไทยประดิษฐ์ มาเบิกความประกอบเอกสารคือสำเนาภาพถ่ายใบสำคัญรับรองการตรวจเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ อาชญาบัตรให้ใช้อวนขนาดกว้าง90 เมตร ยาว 600 เมตร ทำการประมงและใบทะเบียนเรือไทยของกรมเจ้าท่าตามเอกสารหมาย ร.1 ถึง ร.4 ทั้งได้แนบต้นฉบับเอกสารหมาย ร.1 ถึง ร.3 มาท้ายฎีกาว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือพร้อมเครื่องยนต์และอวนของกลาง โดยได้ซื้อมาจากนายจุมพล ราศีวิสุทธิ์ แล้วใช้ชื่อเรือว่า โชคอำนาจหรือ ก.โชคอุดมทรัพย์ เห็นว่าเอกสารที่ผู้ร้องอ้างดังกล่าวเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จัดทำขึ้น โจทก์มิได้นำสืบปฏิเสธความแท้จริงและถูกต้อง ต้องสันนิษฐานว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127ปรากฏตามใบทะเบียนเรือไทยของกรมเจ้าท่าเอกสารหมาย ร.4 ว่ามีชื่อผู้ร้องเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์เรือ และมีรายการหมายเหตุไว้ว่า เปลี่ยนชื่อเรือเป็น ก.โชคอุดมทรัพย์ ประกอบกับนายประจวบ เจี้ยงยี ซึ่งรับราชการหน่วยตรวจการประมงเขต 3ผู้ร่วมจับกุมจำเลยทั้งสิบสี่และยึดเรือของกลางพยานโจทก์เบิกความว่าที่เก๋งเรือของกลางเขียนชื่อเรือของกลางไว้ว่า ก.โชคอุดมทรัพย์ดังนี้ ตามพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ผู้ร้องนำสืบมาฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เรือพร้อมเครื่องยนต์และอวนของกลางเมื่อผู้ร้องซื้อมาแล้วได้ให้นางรุ่งทิวา ร่มรื่น บุตรใช้จับปลาในเขตจังหวัดระยองแต่ขาดทุน จึงให้จำเลยที่ 1 เช่า ตามหนังสือสัญญาเช่าเอกสารหมาย ร.5 ต่อมาผู้ร้องทราบจากจำเลยที่ 1 ว่าเรือและอวนถูกยึดไว้เป็นของกลาง จึงใช้ให้นางแอ๋วไปยื่นคำร้องขอของกลางคืน แต่พนักงานสอบสวนไม่ยอมคืนให้ เห็นว่าเรือพร้อมเครื่องยนต์และอวนของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการประมงในทะเล ยากที่ผู้ร้องจะติดตามดูแลว่า ผู้เช่าจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างใดบ้างประกอบกับโจทก์มิได้นำสืบโต้แย้งว่าผู้ร้องได้มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดอย่างใดคดีจึงฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องจึงมีสิทธิขอให้คืนของกลาง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยกคำร้องของผู้ร้องเสียนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้คืนเรือพร้อมเครื่องยนต์ และอวนของกลางแก่ผู้ร้อง

Share