คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยมีบ้านอยู่ติดกัน และหลังคาบ้านกับรางน้ำฝนบางส่วนของโจทก์รุกล้ำเข้ามาในเขตที่ดินของจำเลย ดังนี้ แม้โจทก์จะซื้อที่ดินพร้อมบ้านมาจากเจ้าของเดิมและโจทก์ได้ครอบครองทั้งบ้านและที่ดินมากว่า 20 ปี แต่การละเมิดที่หลังคาบ้านและรางน้ำฝนบางส่วนของโจทก์รุกล้ำแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงวันฟ้องและปัจจุบัน จำเลยชอบที่จะฟ้องให้โจทก์รื้อหลังคาและรางน้ำฝนส่วนที่รุกล้ำแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยได้ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่ขาดอายุความ การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า ถ้าโจทก์ไม่รื้อหลังคาและรางน้ำฝนส่วนที่รุกล้ำที่ดินของจำเลยออกไป ให้จำเลยเป็นผู้รื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการไม่ชอบ เพราะกรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ ซึ่งจำเลยชอบที่จะขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ดำเนินการ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในบ้านและที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่กระทำให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน35,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้ก่อสร้างบ้านรุกล้ำเข้าไปในบ้านและที่ดินของโจทก์ แต่สังกะสีหลังคาบ้านของโจทก์รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์รื้อกำแพง หลังคา และรางน้ำฝนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยหากโจทก์ไม่กระทำให้จำเลยรื้อโดยโจทก์เป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยก่อสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย โจทก์ครอบครองแดนกรรมสิทธิ์ของโจทก์มา 20 ปีเศษโดยความสงบเปิดเผยและด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,500 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้โจทก์รื้อหลังคาและรางน้ำฝนส่วนที่รุกล้ำที่ดินของจำเลยออกไป ถ้าโจทก์ไม่รื้อให้จำเลยเป็นผู้รื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย คำขออื่นนอกจากนี้ของโจทก์ จำเลยให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนฎีกาของโจทก์ในประเด็นสุดท้ายที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยขาดอายุความแล้วหรือไม่นั้น เห็นว่า ในส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์รื้อกำแพง หลังคาบ้าน และรางน้ำฝนบางส่วนของโจทก์ที่สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินและแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยนั้น ข้อโต้แย้งที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกา คงมีเฉพาะหลังคาบ้านและรางน้ำฝนบางส่วนเท่านั้น ส่วนกำแพงบ้านของโจทก์ยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้วว่า มิได้รุกล้ำที่ดินของจำเลย ศาลฎีกาจึงไม่ต้องวินิจฉัยถึง ในส่วนที่เกี่ยวกับหลังคาบ้านและรางน้ำฝนบางส่วนของโจทก์ที่รุกล้ำแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าแม้โจทก์จะซื้อที่ดินพร้อมบ้านมาจากเจ้าของเดิม และโจทก์ได้ครอบครองทั้งบ้านและที่ดินมากว่า 20 ปี ดังที่โจทก์กล่าวในฎีกาก็ตามแต่การละเมิดที่หลังคาบ้านและรางน้ำฝนบางส่วนของโจทก์รุกล้ำแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจนถึงวันฟ้องและปัจจุบัน จำเลยชอบที่จะฟ้องให้โจทก์รื้อหลังคาและรางน้ำฝนส่วนที่รุกล้ำแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของจำเลยได้ ฟ้องแย้งของจำเลยหาได้ขาดอายุความดังที่โจทก์ต่อสู้ไม่ ฎีกาของโจทก์ในประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า ถ้าโจทก์ไม่รื้อหลังคาและรางน้ำฝนส่วนที่รุกล้ำที่ดินของจำเลยออกไปให้จำเลยเป็นผู้รื้อโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายนั้นเป็นการไม่ชอบ จำเลยชอบที่จะขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 ทวิ”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอในส่วนที่ให้จำเลยรื้อหลังคาและรางน้ำฝนส่วนที่รุกล้ำที่ดินของจำเลยโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share