แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับฝากสินค้าปุ๋ยของโจทก์ไว้ในคลังสินค้าของจำเลยโดยได้รับบำเหน็จ จำเลยหา ได้ใช้ ความระมัดระวังและฝีมือเพื่อสงวนรักษาปุ๋ยของโจทก์ เหมือนเช่นวิญญูชนพึงประพฤติ เป็นเหตุให้ปุ๋ยของโจทก์ ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายไปบางส่วน ซึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยรับฝากปุ๋ยของโจทก์ตามฟ้อง ขณะเกิดเหตุอุทกภัยจำเลย ได้ใช้ความระมัดระวังเช่นวิญญูชนพึงประพฤติและใช้ฝีมือพิเศษเฉพาะการณ์แล้วแต่น้ำได้เพิ่มสูงรวดเร็วและไหลแรงสุดวิสัยที่จะป้องกันได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดกับโจทก์ได้สลักหลังใบประทวนสินค้าและทำสัญญาจำนำสินค้าดังกล่าวมอบไว้กับจำเลย โจทก์รับเงินไปครบถ้วนแล้วแต่โจทก์ไม่ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยบางส่วนดังนี้แม้ทรัพย์ที่ฝากและทรัพย์ที่จำนำจะเป็นทรัพย์รายเดียวกันแต่มูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้รับผิดตามฟ้องและฟ้องแย้งนั้น โจทก์จำเลยต่างอาศัยมูลเหตุของสัญญาต่างกัน ฟ้องแย้งเกี่ยวกับเรื่องโจทก์ผิดสัญญาจำนำจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมซึ่งเป็นเรื่องความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ ทั้งฟ้องแย้งเกี่ยวกับจำนำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังการฝากทรัพย์แล้วจึงไม่เกี่ยวพันกันฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามและมาตรา 179 วรรคท้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน19,146,860 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ใช้เงิน11,257,177.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากต้นเงิน 10,006,380 บาทในอัตราร้อยละ 1.25 บาท ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้จำเลยเสร็จ
ศาลชั้นต้นตรวจคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยแล้วมีคำสั่งรับเป็นคำให้การแต่ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่ในปัญหานี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15สิงหาคม 2538 ถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2538 จำเลยได้รับฝากสินค้าประเภทปุ๋ยของโจทก์ไว้ในคลังสินค้าของจำเลยโดยได้รับบำเหน็จจากโจทก์จำนวน 5 รายการ คือใบประทวนสินค้าเลขที่ 549, 550, 705, 714 และ 724 คิดเป็นเงินค่าปุ๋ย 131,718,870 บาท จำเลยหาได้ใช้ความระมัดระวังและฝีมือเพื่อสงวนรักษาสินค้าปุ๋ยของโจทก์เหมือนเช่นวิญญูชนพึงประพฤติ เป็นเหตุให้ปุ๋ยของโจทก์ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายไปบางส่วนคิดเป็นเงิน 19,146,860 บาท ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยรับฝากปุ๋ยของโจทก์ตามฟ้อง แต่จำเลยไม่รับผิดชอบตามเงื่อนไขของการฝากทรัพย์ว่า ถ้าของที่ฝากนั้นต้องสูญเสียไปโดยภัยนอกอำนาจ เช่นอุทกภัย เป็นต้น ขณะเกิดเหตุอุทกภัยจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังเช่นวิญญูชนพึงประพฤติและใช้ฝีมือพิเศษเฉพาะการณ์แล้ว แต่น้ำได้เพิ่มสูงรวดเร็วและไหลแรงสุดวิสัยที่จะป้องกันได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดสำหรับสินค้าตามใบฝากและใบประทวนสินค้าเลขที่ 724 เมื่อวันที่ 20ตุลาคม 2538 โจทก์ได้สลักหลังใบประทวนสินค้าและทำสัญญาจำนำสินค้ามอบไว้กับจำเลยเป็นเงิน 22,656,380 บาท โจทก์รับเงินไปครบถ้วนแล้วและสัญญาให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 บาท ต่อเดือน ต่อมาโจทก์ถอนปุ๋ยไปบางส่วน และได้ผ่อนชำระต้นเงินบางส่วนให้จำเลยแล้วคงค้างชำระต้นเงิน 10,006,380 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ15 ต่อปี นับจากวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2539 ถึงวันฟ้องคิดเป็นดอกเบี้ย1,250,797.50 บาท รวมเป็นเงิน 11,257,177.50 บาท จำเลยได้มีหนังสือบอกกล่าวให้โจทก์ชำระแล้ว แต่โจทก์อ้างว่าน้ำท่วมปุ๋ยเสียหายจึงไม่อาจชำระให้ได้นั้น เห็นว่า ฟ้องแย้งเกี่ยวกับเรื่องโจทก์ผิดสัญญาจำนำเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมซึ่งเป็นเรื่องความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ แม้ทรัพย์ที่ฝากและทรัพย์ที่จำนำจะเป็นทรัพย์รายเดียวกัน แต่มูลเหตุให้ใช้สิทธิเรียกร้องเพื่อให้รับผิดตามฟ้องและฟ้องแย้งนั้นโจทก์จำเลยต่างอาศัยมูลเหตุของสัญญาต่างกัน ทั้งฟ้องแย้งเกี่ยวกับจำนำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังการฝากทรัพย์แล้วจึงไม่เกี่ยวพันกัน ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามที่บัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย ที่ศาลล่างไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน