คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

นายสิบและพลตำรวจควบคุมผู้ต้องกักขังตามคำสั่งนายตำรวจปล่อยผู้ต้องกักขังเหล่านั้นเปลี่ยนตัวผู้อื่นแทน เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,191 กรรมเดียว ลงโทษตาม มาตรา 157 บทหนัก
ตำรวจไม่บอกชื่อผู้ต้องขังที่เข้ามาเปลี่ยนแทนตัวผู้ที่ตนปล่อยไปแก่นายตำรวจที่มารับตัวผู้ต้องขัง ไม่ใช่ผู้ที่ถูกนายตำรวจถามชื่อ จึงไม่มีความผิดตาม มาตรา 367

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 ถึง 5 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 86 จำคุกจำเลยที่ 7, 8 ตามมาตรา 157 คนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ถึง 5 ตาม มาตรา 367 อีกกระทงหนึ่งปรับคนละ80 บาท จำคุกจำเลยที่ 6 ตาม มาตรา 157, 191 ลงโทษตามมาตรา 157 จำคุก5 ปี โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 6 ร่วมกับจำเลยที่ 7 ที่ 8 กระทำผิดปล่ยตัวผู้ต้องกักขัง 5 คนตามฟ้องไปและรับเอาจำเลยที่ 1ถึงที่ 5 สับเปลี่ยนกักขังแทนโดยปราศจากความสงสัยฎีกาของจำเลยที่ 6 ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 7 ที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 367 อีกกระทงหนึ่งนั้น เห็นว่าแม้จำเลยที่ 7 ที่ 8 จะรู้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5มิใช่ผู้ต้องกักขังที่แท้จริง โดยมีการเปลี่ยนตัวผู้ต้องกักขังแล้ว การที่จำเลยที่ 7 ที่ 8ละเว้นไม่บอกชื่อและที่อยู่ที่แท้จริงของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ต่อร้อยตำรวจตรีสำเริงเนตรแก้ว เจ้าพนักงานการกระทำของจำเลยที่ 7 ที่ 8 ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 367 เพราะจำเลยทั้งสองมิใช่ผู้ที่ร้อยตำรวจตรีสำเริงสอบถามชื่อหรือที่อยู่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายอันจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว”

พิพากษายืน

Share