คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้น จะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้า และถ้า เป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนักหรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสองปีแล้ว ยังจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วย โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2521 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เป็นเวลาล่วงเลยเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่นำสินค้าเข้าแล้ว ทั้งโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบสินค้าว่าโจทก์จะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากร ดังนั้นคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วตามนัยที่กล่าวข้างต้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้สั่งซื้อผ้าผืนทอด้วยใยประดิษฐ์ จากประเทศเกาหลีใต้เข้ามาในราชอาณาจักร พนักงานศุลกากรของจำเลยแจ้งให้โจทก์เพิ่มราคาสินค้าจากที่โจทก์ซื้อมาจริงหลาละ .50เหรียญสหรัฐ เป็นหลาละ .63 เหรียญสหรัฐ โจทก์เชื่อว่าราคาที่พนักงานศุลกากรสั่งให้เพิ่มนั้นเป็นราคาที่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายและคำสั่งของกรมศุลกากร โจทก์จึงยินยอม ทำให้โจทก์ต้องเสียภาษีอากรเพิ่มขึ้น 104,669.69 บาท และพนักงานของจำเลยได้สั่งให้โจทก์วางเงินสดประกันเพิ่มไว้อีก 30,000 บาท ต่อมาโจทก์ทราบว่าการสั่งเพิ่มราคานั้นไม่ถูกต้อง จึงได้อุทธรณ์โต้แย้งขอเงินคืนแต่จำเลยตอบปฏิเสธ ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งให้เพิ่มราคาสินค้าเพื่อเรียกเก็บภาษีอากรไม่ถูกต้อง ให้จำเลยคืนเงิน 104,669.69 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรวินิจฉัยประเด็นเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เสียก่อน ในประเด็นนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์นำสินค้าพิพาทเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4มีนาคม 2521 ปรากฏตามใบรับสินค้าเอกสารหมาย จ.2 ว่า ราคาผ้าที่โจทก์ซื้อมาหลาละ .50 เหรียญสหรัฐ แต่โจทก์สำแดงราคาในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า ตามเอกสารหมาย จ.1 หรือ ล.1เป็นราคาหลาละ .693 เหรียญสหรัฐ ที่เป็นเช่นนี้โจทก์นำสืบว่าเพราะพนักงานศุลกากรสั่งให้โจทก์เพิ่มราคาสินค้าขึ้นให้เป็นจำนวนดังกล่าว ส่วนจำเลยนำสืบว่า ขณะนั้นอยู่ในระหว่างหยุดใช้บัตรราคาสินค้าพิพาทชั่วคราว เนื่องจากกำลังพิจารณาปรับปรุงใหม่นางสุวิดา สว่างโรจน์ เจ้าพนักงานประเมิน พยานจำเลย เบิกความว่าการกรอกราคาของสินค้าในใบขนสินค้าอาจจะถือราคาในใบรับสินค้าหรือในบางกรณีอาจจะถือราคาอื่น โดยผู้นำเข้าสอบถามราคาที่ควรจะเป็นเอาเอง ตามบัตรราคาสินค้าเลขที่ 2365/22-4-19 เอกสารหมายจ.10 โจทก์นำสืบว่า เป็นราคาหลาละ .53 เหรียญสหรัฐ แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างการหยุดใช้บัตรราคาสินค้าดังกล่าวชั่วคราว ดังนั้นการที่โจทก์กรอกราคาสินค้าพิพาทในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการค้าเป็นหลาละ .693 เหรียญสหรัฐนั้น ก็คงเนื่องมาจากการที่โจทก์สอบถามราคาที่ควรจะเป็นจากพนักงานของจำเลยและถือได้ว่าโจทก์ได้ยอมรับตามราคานั้นเพราะโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านไว้ และโจทก์ยินยอมเสียภาษีอากรโดยคิดคำนวณจากราคาสินค้าดังกล่าว แม้กระนั้นพนักงานของจำเลยก็ยยังไม่พอใจ จึงให้โจทก์วางเงินประกันไว้อีก 30,000 บาทแสดงให้เห็นว่าโจทก์เสียภาษีอากรโดยสมัครใจ มิใช่โดยถูกพนักงานของจำเลยสั่งให้เสียเพิ่มขึ้นดังที่โจทก์อ้าง มิฉะนั้น โจทก์ก็คงจะไม่ถูกเรียกให้วางเงินประกันไว้ด้วย ต่อมาเมื่อโจทก์เห็นว่าค่าภาษีอากรที่โจทก์ชำระนั้นไม่ถูกต้องเพราะมีจำนวนมากเกินกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย โจทก์จึงขอเงินค่าภาษีอากรคืน ปรากฏตามเอสการหมาย จ.15 ซึ่งมีใจความปรากฏอยู่ว่าเป็นเรื่องขอเงินภาษีอากรชำระเกิน และการที่จำเลยไม่ยอมคืนให้ตามเหตุผลที่แจ้งให้โจทก์ทราบปรากฏในเอกสารหมาย ล.18 ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่โจทก์อ้างว่าชำระเงินภาษีอากรไว้เกินทั้งสิ้น มิได้เกี่ยวกับเรื่องการประเมินอากรแต่โจทก์อ้างว่าชำระเงินภาษีอากรไว้เกินทั้งสิ้นมิได้เกี่ยวกับเรื่องการประเมินอากรแต่อย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่ากรณีของโจทก์ต้องตามหลักเกณฑ์แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 10 วรรคห้า ที่บัญญัติไว้มีความหมายว่า สิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้นจะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้า และถ้าเป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก หรือราคาแห่งของใด ๆหรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสอบปีแล้ว กฎหมายยังบัญญัติไว้อีกว่าจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วยคดีนี้โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2521 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เป็นเวลาล่วงเลยเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่นำสินค้าเข้าแล้ว ทั้งโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบสินค้าว่า โจทก์จะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากรดังนั้นคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วตามนัยที่กล่าวข้างต้นจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นอีก ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share