คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2834/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยขาดนัดพิจารณา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 202 กำหนดให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวส่วนความในมาตรา 205 นั้น หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียวอยู่เท่านั้น เมื่อโจทก์นำพยานเข้าสืบเสร็จในวันเดียวกันโดยจำเลยไม่มาศาล ต้องถือว่าเสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่มีทางที่จะเลื่อนคดีไปเพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า หนังสือมอบอำนาจเป็นหนังสือปลอม จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อค้ำประกันหนี้การพนัน ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานจำเลย ฝ่ายจำเลยไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อศาลชั้นต้นรับคำให้การจำเลยแล้ว ได้มีคำสั่งนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 13มกราคม 2529 เวลา 9.00 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัด ฝ่ายจำเลยไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวและทำการสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วมีคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นเอง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยจึงมีว่า ที่ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบในวันนัดสืบพยานจำเลยนั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ที่จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งในวันนัดสืบพยานจำเลยว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แต่จำเลยก็ยังมีสิทธิซักค้านพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 อยู่ การที่ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์ไปในวันดังกล่าว โดยไม่ให้โอกาสแก่จำเลยได้ซักค้านเป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยขาดนัดพิจารณาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202กำหนดให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ส่วนความในมาตรา 205 นั้น หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวอยู่เท่านั้น เมื่อคดีนี้ โจทก์นำสืบพยานเข้าสืบเสร็จในวันเดียวกันโดยจำเลยไม่มาศาลต้องถือว่าเสร็จการพิจารณาแล้ว จึงไม่มีทางที่จะเลื่อนคดีไปเพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์ได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share