คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2830/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดแล้วอำนาจในการจัดการทรัพย์สินทั้งปวงตลอดจนการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ย่อมตกอยู่แก่ผู้คัดค้าน ตามบทบัญญัติมาตรา 22,23,24 และ 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บรรดาเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองจะขอรับชำระหนี้ได้ แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 เท่านั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยทรัพย์พิพาทโดยเหตุที่ผู้คัดค้านไม่ให้ถอนการยึดตามคำคัดค้านของผู้ร้องที่ได้ดำเนินการตามมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483แล้วนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านที่จะเข้าเป็นคู่ความในคดี ผู้คัดค้านร่วมหามีสิทธิเจ้ามาต่อสู้คดีด้วยการร้องสอดเพื่อยังให้ได้รับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แต่อย่างใดไม่ การวางเงินเพื่อประกันความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง (1) นั้นศาลจะมีคำสั่งเช่นนั้นได้ต่อเมื่อมีการร้องขอ เมื่อผู้คัดค้านร่วมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความร่วมกับผู้คัดค้านผู้ร้องก็ไม่ต้องวางเงินประกันความเสียหายตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งตามคำร้องขอของผู้คัดค้านร่วม

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1691พร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารชั้นเดียวไม่มีเลขที่ เรือนพักคนงานชั้นเดียวเลขที่ 162 เรือนพักคนงานชั้นเดียวไม่มีเลขที่และเรือนพักคนงานไม้สองชั้นไม่มีเลขที่ ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวเพื่อขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ และผู้ร้องได้คัดค้านการยึดสิ่งปลูกสร้างต่อผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 158 ผู้คัดค้านสอบสวนแล้วมีคำสั่งไม่ให้ถอนการยึดผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลว่าผู้ร้องเป็นผู้ปลูกสร้างอาคารโรงงานและเรือนพักคนงานที่ถูกยึด สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง สำหรับที่ดินนั้นบิดาผู้ร้องเป็นผู้ซื้อแล้วจดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ บิดาผู้ร้องได้สั่งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพี่ชายผู้ร้องแบ่งที่ดินให้ผู้ร้องส่วนหนึ่งขอให้ถอนการยึด
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไว้กับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สินเอเซียจำกัด ผู้รับจำนองเป็นเงิน 7,000,000 บาท ผู้ร้องจะยกสิทธิอันยังไม่ได้จดทะเบียนขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนไม่ได้ ผู้รับจำนองได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอให้ถอนการยึด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สินเอเซีย จำกัดเข้าเป็นผู้คัดค้านร่วมกับผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านร่วมยื่นคำคัดค้านใจความทำนองเดียวกันและมีประเด็นเพิ่มเติมว่า คำร้องของผู้ร้องเป็นการประวิงคดี ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 มีราคาประเมิน 11,000,000 บาทเศษ ขอให้ผู้ร้องชำระค่าธรรมเนียมศาลเพิ่มขึ้นตามราคาประเมิน และนำเงินมาวางเป็นประกันการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อความเสียหายเป็นเงิน3,000,000 บาท กับขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำเงิน 3,000,000 บาท มาวางเป็นประกันต่อศาลภายในเวลาที่กำหนด
ผู้ร้องไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้คัดค้านร่วมเข้าเป็นคู่ความกับผู้คัดค้านไม่ได้ ผู้ร้องไม่ต้องวางเงินประกัน คำสั่งจำหน่ายคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้นเห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดแล้วอำนาจในการจัดการทรัพย์สินทั้งปวงตลอดจนการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ย่อมตกแก่ผู้คัดค้าน ตามบทบัญญัติมาตรา 22, 23, 24 และ 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บรรดาเจ้าหนี้ของจำเลยทั้งสองจะขอรับชำระหนี้ได้ แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เท่านั้น การที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยทรัพย์พิพาทโดยเหตุที่ผู้คัดค้านไม่ให้ถอนการยึดตามคำคัดค้านของผู้ร้องที่ได้ดำเนินการตามมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้วนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน ที่จะเข้าเป็นคู่ความในคดี ผู้คัดค้านร่วมหามีสิทธิเข้ามาต่อสู้คดีด้วยการร้องสอดเพื่อยังให้ได้รับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 153 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้คัดค้านร่วมเข้าเป็นคู่ความร่วมกับผู้คัดค้านร่วมนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และการวางเงินเพื่อเป็นประกันความเสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288วรรคสอง (1) นั้น ศาลจะมีคำสั่งเช่นนั้นได้ต่อเมื่อมีการร้องขอเมื่อผู้คัดค้านร่วมไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความร่วมกับผู้คัดค้านเสียแล้ว ผู้ร้องก็ไม่ต้องวางเงินประกันค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องสอดของผู้คัดค้านร่วมและให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามรูปคดี

Share