คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2828/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้รับสิทธิทำการปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ในที่ดินราชพัสดุจากเทศบาล เมื่อสร้างเสร็จแล้วจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะเช่าอาคารดังกล่าวอยู่เอง หรือให้บุคคลอื่นเช่าก็ได้โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้เลือกกำหนดตัวผู้เช่าและกำหนดจำนวนเงินกินเปล่าในการเช่า เป็นผู้ตกลงให้เช่าและเข้าทำสัญญากับผู้เช่าเองมิได้ทำในฐานะตัวแทนของเทศบาล เพียงแต่ต้องนำผู้เช่าไปทำสัญญาเช่ากับเทศบาลอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น ถือได้ว่าสิทธิการเช่าตึกพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 หาใช่เป็นของเทศบาลไม่ การที่จำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 อาจเป็นการทำให้โจทก์เจ้าหนี้มิได้รับชำระหนี้อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350, 187, 83, 86, 90, 91 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและวินิจฉัยในประเด็นที่ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทราบถึงสิทธินั้นแล้วร่วมกันโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวไปโดยทุจริตหรือไม่แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหามีว่าสิทธิการเช่าอันถือว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งขณะเกิดเหตุเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 1 หรือไม่ หากไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการทำให้โจทก์เจ้าหนี้มิได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนย่อมไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ปัญหาข้อนี้โจทก์นำสืบฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทจำเลยที่ 1 ได้รับสิทธิทำการปลูกสร้างอาคารพาณิชย์(ตึกแถว 4 ชั้น) จากเทศบาลเมืองสมุทรปราการซึ่งได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ปลูกสร้างตึกแถวพิพาทในที่ดินราชพัสดุได้โดยจำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะเช่าตึกแถวพิพาทเองหรือนำบุคคลอื่นมาเป็นผู้เช่าก็ได้ ปรากฏตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.3 จ.4 และ จ.5ข้อ 1(1) และข้อ 2 อันแสดงว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิหรือมีอำนาจที่จะเอาตึกพิพาทนี้ไปให้ผู้ใดเช่าก็ได้โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องนำผู้เช่าไปทำสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลเมืองสมุทรปราการอีกครั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ตกลงให้เช่าและเข้าทำสัญญากับผู้เช่าเอง มิได้ทำในฐานะตัวแทนเทศบาลเมืองสมุทรปราการ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เลือกกำหนดตัวผู้เช่าและกำหนดจำนวนเงินกินเปล่าในการเช่าตามความในข้อ 2 ถือได้ว่าสิทธิการเช่าตึกแถวพิพาทในขณะเกิดเหตุเป็นของจำเลยที่ 1เพียงแต่ต้องนำไปทำสัญญากับเทศบาลเมืองสมุทรปราการอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นเองหาใช่เป็นของเทศบาลเมืองสมุทรปราการดังจำเลยที่ 2 ที่ 3ฎีกาไม่ ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share