คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2827/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยนี้กับพวกรวม2 คน รื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยจนกว่าจะรื้อถอนบ้านพิพาทศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยได้เข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทที่เจ้าของบ้านพิพาทคนก่อนได้ปลูกสร้างขึ้นไว้โดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 และมาตรา 1310 กรณีไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีความประมาทเลินเล่อโจทก์ผู้เป็นเจ้าของบ้านพิพาทจะขอให้บังคับจำเลยกับพวกรื้อถอนบ้านพิพาทไม่ได้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหาย แม้คดีก่อนคำฟ้องของโจทก์เป็นการฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินเช่นเดียวกับคดีนี้แต่คดีก่อนศาลยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่ว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่และโจทก์เสียหายเพียงใดประเด็นดังกล่าวนี้จึงไม่เป็นประเด็นที่ได้วินิจฉัยแล้วในคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 158,000 บาทและค่าเสียหายอีกเดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยและบริวาร ขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินแปลงเดียวกับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้และเรียกค่าเสียหายเช่นเดียวกัน คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ก่อนสืบพยาน คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับกันว่าก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 546/2537ของศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 2,000 บาทนับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 600 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าก่อนคดีนี้โจทก์เคยฟ้องขอให้บังคับจำเลยนี้กับพวกรวม 2 คนรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยจนกว่าจะรื้อถอนบ้านพิพาท ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวโดยฟังว่าจำเลยในคดีนี้หรือจำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวได้เข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทที่เจ้าของบ้านพิพาทคนก่อนได้ปลูกสร้างขึ้นไว้โดยสุจริต โดยอาศัยเทียบบทกฎหมายใกล้เคียงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 และมาตรา 1310แต่กรณีไม่อาจถือได้ว่าจำเลยมีความประมาทเลินเล่อเพราะบ้านพิพาทได้มีการปลูกสร้างขึ้นก่อนที่โจทก์จะซื้อที่ดินเมื่อโจทก์เป็นเจ้าของบ้านพิพาทจะขอให้บังคับจำเลยนี้กับพวกรื้อถอนบ้านพิพาทไม่ได้จึงไม่จำต้องวินิจฉัยเรื่องค่าเสียหายและคดีถึงที่สุดแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนหรือไม่ เห็นว่า แม้คดีก่อนตามคำฟ้องของโจทก์พอจะแปลได้ว่าเป็นการฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินเช่นเดียวกับคำฟ้องคดีนี้ก็ตาม แต่คดีก่อนศาลเพียงวินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของโจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยนี้กับพวกรื้อถอนบ้านพิพาทไม่ได้ แต่คดีก่อนศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นที่ว่าจำเลยนี้มีสิทธิอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่และโจทก์เสียหายเพียงใดจึงถือไม่ได้ว่าข้อที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่ดินของโจทก์หรือไม่และโจทก์เสียหายเพียงใดเป็นประเด็นที่ได้วินิจฉัยแล้วในคดีก่อน ดังนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์
พิพากษายืน

Share