แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีกรรมสิทธิที่ดินมีโฉนดโดยซื้อจากเจ้าของเดิม จำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมแล้วอาศัยโจทก์ต่อมา จำเลยต่อสู้จำเลยว่าก่นสร้างมาไม่ได้อาศัยดังนี้ ศาลจะงดสืบพะยานแล้วตัดสินว่าโจทก์ซื้อที่มาโดยสุจริตไม่ได้ จะต้องพิจารณาคดีต่อไป.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีกรรมสิทธิที่ดินโฉนดที่ ๗๓๑๕ โดยซื้อจากนายจันเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ เดิมจำเลยเช่าจากเจ้าของเดิมเมื่อตกเป็นของโจทก์ จำเลบขออาศัยโจทก์ก็ยอมให้อาศัย บัดนี้โจทก์ต้องการที่ จึงขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่า เดิมเป็นที่ป่าจำเลยก่นสร้างปลูกเรือนอยู่มา ๓๐ ปีแล้ว ไม่ได้อาศัยโจทก์
ศาลชั้นต้นดูแผนที่พิพาทและสอบถามโจทก์บางประการแล้วสั่งงดสืบพะยาน ตัดสินว่า โจทก์ได้ที่มาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน จำเลยจะนำสืบว่าได้สิทธิมาอย่างไรก็ใช้ยันโจทก์ไม่ได้จึงให้ขับไล่
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ทราบว่าจำเลยครอบครองที่มาก่อน ถ้าเป็นจริงอย่างจำเลยต่อสู้ก็จะว่าโจทก์ซื้อโดยสุจริตไม่ได้ จึงยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาต่อแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่าโจทก์ซื้อที่มาโดยรู้อยู่ว่าเป็นที่ของจำเลย และโฉนดมีชื่อโจทก์ชื่อมาจากนายจันจึงต้องสันนิษฐานว่าซื้อมาโดยสุจริต
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยทางอาศัยโจทก์ โจทก์ไม่ได้ตั้งประเด็นว่าโจทก์ซื้อที่จากนายจันโดยไม่รู้ว่าจำเลยมีสิทธิดีกว่านายจัน ศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาใหม่ชอบแล้ว จึงพิพากษายืน