แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าใจมาแต่แรกว่ายาที่ผู้เสียหายให้นาย ต. ไปเป็นยาเสพติดให้โทษ ขณะที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของพระภิกษุ ว.ผู้เสียหาย นาย ถ. อยู่ในกุฏิของผู้เสียหายและหยิบยามาดู จำเลยเห็นยาดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงหยิบเอามาเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมีไว้ในความครอบครองและจะเอาไปให้เจ้าอาวาสดู ดังนี้เป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในกุฏิวัดหนองสองห้องอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของพระภิกษุวันชัยผู้เสียหาย โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุอันสมควรและจำเลยได้ใช้กำลังทำร้ายชกต่อยผู้เสียหาย 1 ที จนได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365, 395, 91ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2
จำเลยให้การปฏิเสธ หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยถอนคำให้การเดิมรับสารภาพฐานทำร้ายร่างกาย ปฏิเสธความผิดฐานบุกรุก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364, 395 ให้ลงโทษตามมาตรา 365 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 3 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนกับคำรับสารภาพชั้นพิจารณาในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษทุกกรรมความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องข้อหาบุกรุก
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยเข้าไปที่บริเวณกุฏิเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในห้องกุฏิของผู้เสียหาย พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 1 ปี คำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือนคำขออื่นให้ยก
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมความผิดตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานหลักฐานของโจทก์ว่าจำเลยได้เข้าไปในกุฏิของผู้เสียหายแล้วหยิบเอายาของผู้เสียหายไป ตามพฤติการณ์จำเลยเข้าใจมาแต่แรกว่ายาที่ผู้เสียหายให้นายตุ้มไปเป็นยาเสพติดให้โทษ ขณะที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของผู้เสียหายนั้น นายถนอมก็อยู่ในกุฏิของผู้เสียหายและหยิบยามาดูจำเลยเห็นยาซึ่งเข้าใจว่าเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงหยิบเอามาเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายมีไว้ในความครอบครองและจะเอาไปให้เจ้าอาวาสดู การที่จำเลยเข้าไปในกุฏิของผู้เสียหายจึงเป็นการเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
พิพากษายืน